Saturday, September 30, 2023
spot_img
WP_Generic_Bizmatchingnews_Web-Banner-1100x300-1
Banner-AIA-Health-Saver_1100x300px
ads-MUNGTHAI 2
M06_BDC_bizmatchingnewscom1100x300
previous arrow
next arrow
HomeMARKETING & E-COMMERCE การตลาด-อีคอมเมิร์ชไทยยูเนี่ยน ทุบสถิติQ3 กวาดรายได้ 40,756 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,530 ล้านบาท  เน้นกลยุทธ์หลากหลายสร้างการเติบโต

ไทยยูเนี่ยน ทุบสถิติQ3 กวาดรายได้ 40,756 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,530 ล้านบาท  เน้นกลยุทธ์หลากหลายสร้างการเติบโต

ไทยยูเนี่ยน เผยยอดขายประจำไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 40,756 ล้านบาท เติบโต 14.7 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทุบสถิติทำกำไรสุทธิประจำไตรมาสสูงสุดที่ 2,530 ล้านบาท เติบโต 30.7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดขายจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าและอื่นๆ เพิ่มขึ้น 55.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2565 ด้วยยอดขายและกำไรสุทธิประจำไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากธุรกิจหลักที่แข็งแกร่งของบริษัท ปัจจัยบวกจากอัตราแลกเปลี่ยน และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ  ส่งผลให้ยอดขายระหว่างเดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนกันยายนสูงสุดอยู่ที่ 40,756 ล้านบาท เติบโต 14.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,530 ล้านบาท เติบโตขึ้น 30.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า

แม้จะมีแรงกดดันในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ที่ยังส่งผลอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาคที่ไทยยูเนี่ยนดำเนินธุรกิจอยู่ แต่บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการได้ดี ผ่านการเจรจาต่อรองด้านราคากับลูกค้า มีมาตรการป้องกันความเสี่ยงทั้งในด้านวัตถุดิบหลักและอัตราแลกเปลี่ยน ตลอดจนการบริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ความหลากหลายของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนอัตราการทำกำไรที่สูง  ทั้งหมดนี้ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานที่ผ่านมา  สำหรับไตรมาส 3 ปี 2565 ไทยยูเนี่ยนมียอดขายจากธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องอยู่ที่ 16,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา จากกำลังซื้อที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยอดขายจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นยังคงที่อยู่ในระดับใกล้เคียงจากปีที่แล้ว อยู่ที่ 14,820 ล้านบาทโดยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าและอื่น ๆ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานไตรมาสนี้ยอดเยี่ยม โดยมียอดขายอยู่ที่ 8,951 ล้านบาท เติบโต 55.9 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการที่สูง ราคาขายที่เพิ่มขึ้น และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ของเราสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการผลักดันอย่างต่อเนื่องให้ธุรกิจของเรามีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเรื่องของนวัตกรรม และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ  แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ผลการดำเนินงานของเราในวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า การที่เราให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักให้แข็งแกร่งไปพร้อมกับขยายธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ที่นำนวัตกรรมเข้ามาพัฒนานั้น สามารถส่งผลบวกต่อธุรกิจท่ามกลางสภาวการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นแรงต้านในธุรกิจได้”

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี ไทยยูเนี่ยนรายงานยอดขายจาก 3 ธุรกิจหลักเป็นสัดส่วนดังต่อไปนี้ ธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง 42 เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็น 37 เปอร์เซ็นต์ และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าและอื่น ๆ 21 เปอร์เซ็นต์  และยอดขายใน 3 ไตรมาสแรกนั้นทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 115,974 ล้านบาท เติบโต 13.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 20,338 ล้านบาท เติบโต 8.7 เปอร์เซ็นต์ และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.5 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าราคาวัตถุดิบหลักมีการปรับราคาขึ้นก็ตาม

บริษัทมีการเตรียมการเพื่อการเติบโตและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างโรงงานใหม่รวม 3 โรง ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินงานได้ในปี 2566  ในส่วนนี้มีโรงงาน 2 โรงที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสตและคอลลาเจนเปปไทด์  และผลิตอาหารพร้อมทาน  นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างห้องเย็นเพื่อจัดเก็บปลาทูน่า พร้อมด้วยโรงบำบัดน้ำเสียในประเทศกาน่า  รวมถึงไทยยูเนี่ยนกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและขนมกินเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงในจังหวัดสมุทรสาคร

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี ไทยยูเนี่ยนรายงานยอดขายจาก 3 ธุรกิจหลักเป็นสัดส่วนดังต่อไปนี้ ธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง 42 เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็น 37 เปอร์เซ็นต์ และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าและอื่น ๆ 21 เปอร์เซ็นต์  และยอดขายใน 3 ไตรมาสแรกนั้นทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 115,974 ล้านบาท เติบโต 13.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 20,338 ล้านบาท เติบโต 8.7 เปอร์เซ็นต์ และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.5 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าราคาวัตถุดิบหลักมีการปรับราคาขึ้นก็ตาม

บริษัทมีการเตรียมการเพื่อการเติบโตและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างโรงงานใหม่รวม 3 โรง ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินงานได้ในปี 2566  ในส่วนนี้มีโรงงาน 2 โรงที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสตและคอลลาเจนเปปไทด์  และผลิตอาหารพร้อมทาน  นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างห้องเย็นเพื่อจัดเก็บปลาทูน่า พร้อมด้วยโรงบำบัดน้ำเสียในประเทศกาน่า  รวมถึงไทยยูเนี่ยนกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและขนมกินเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงในจังหวัดสมุทรสาคร

 

Loading

RELATED ARTICLES
thailife
thailife
MRDIY ADS
Dhipaya_AD-Corporate-2023--scaled
UltimateGrowth-w309xh700-px
thailife
thailife
previous arrow
next arrow

Most Popular