เหตุการณ์ตะลุมบอนกลางศูนย์การค้า MBK Center ระหว่างกลุ่มนักศึกษาคู่อริจาก สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในสังคม นำไปสู่ปฏิกิริยาทันทีจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ที่ออกคำสั่งเร่งด่วนให้ลงโทษทางวินัยผู้ก่อเหตุโดยไม่มีข้อยกเว้น พร้อมเดินหน้าปรับมาตรการป้องกันความรุนแรงระหว่างสถาบันอย่างจริงจัง
“ศุภมาส” สั่งลงดาบ ไม่ยอมให้เหตุซ้ำรอย
ภายหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายซึ่งเกิดขึ้นช่วงค่ำของวันที่ 22 มีนาคม 2568 ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 5 ราย และตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 4 คน รมว.อว. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์นี้ พร้อมสั่งการให้สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ประสานงานกับผู้บริหารของทั้งสองสถาบัน เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการทางวินัยกับนักศึกษาที่เกี่ยวข้องโดยไม่มีข้อยกเว้น
“เหตุการณ์นี้ไม่อาจยอมรับได้ เพราะเป็นการกระทำที่อุกอาจและส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน รัฐบาลจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไป เราจะใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น ไม่เพียงแค่ลงโทษผู้กระทำผิด แต่จะต้องแก้ปัญหาตั้งแต่รากฐาน เพื่อยุติความรุนแรงระหว่างสถาบันให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม”
นอกจากนี้ กระทรวง อว. ยังได้หารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อ ขอความร่วมมือเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยง และติดตามกลุ่มนักศึกษาที่มีแนวโน้มก่อเหตุ รวมถึงส่งเสริมโครงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันเพื่อลดความขัดแย้งในระยะยาว
MBK คุมเข้ม! ยันไม่มีการใช้อาวุธ – เดินหน้าปรับแผนความปลอดภัย
ด้าน ศูนย์การค้า MBK Center ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า หลังเหตุการณ์ปะทะ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างฯ ได้ร่วมมือกับตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างรวดเร็ว พร้อมส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บไปยังโรงพยาบาล
ห้างฯ ยืนยันว่ากระแสข่าวลือเรื่องการใช้อาวุธปืนไม่เป็นความจริง โดยเสียงดังที่เกิดขึ้นมาจาก ป้ายโฆษณาโครงเหล็กกระแทกพื้น และขณะนี้ศูนย์การค้ายังคงเปิดให้บริการตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ทาง MBK ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้มีการ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ทั้งการเพิ่มเจ้าหน้าที่ ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในจุดอ่อนไหว และเพิ่มการลาดตระเวนตรวจตราเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงซ้ำรอย
ถึงเวลาจบ “สงครามศักดิ์ศรี” หรือยัง?
ความขัดแย้งระหว่างสถาบันการศึกษาที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ได้สร้างความสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำถามคือ มาตรการที่ผ่านมาล้มเหลวหรือไม่? และครั้งนี้ภาครัฐจะเอาจริงแค่ไหนกับการแก้ไขปัญหา
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่การ “ลงโทษ” แต่ต้อง “ป้องกัน” อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้มีนักศึกษา คนบริสุทธิ์ หรือเจ้าหน้าที่ต้องกลายเป็นเหยื่อของวงจรความรุนแรงนี้อีกต่อไป