การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงแนวคิดอีกต่อไป แต่กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตขององค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ “กรุงศรี” ตระหนักถึงความสำคัญของแนวโน้มนี้ จึงเดินหน้าสานต่อโครงการ Krungsri ESG Academy 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยมีเป้าหมายสนับสนุนธุรกิจไทยให้สามารถสร้างแผนเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนที่จับต้องได้จริง
ESG: ปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่
นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ของกรุงศรี กล่าวว่า ธนาคารมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจไทยให้เข้าสู่เส้นทาง ESG ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ในยุคที่ ESG กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในห่วงโซ่อุปทานที่ต้องสอดคล้องกับมาตรฐาน ESG มากขึ้น
5 องค์ประกอบสำคัญของ Krungsri ESG Academy 2025
โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศและพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ด้าน ESG โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่:
1. อบรมเข้มข้น ครอบคลุมทุกมิติของ ESG (Environmental, Social, Governance)
2. เวิร์กช็อปเจาะลึก เพื่อช่วยผู้ประกอบการสร้างแผนเปลี่ยนผ่านที่สามารถนำไปใช้จริง
3. ลงพื้นที่ดูงาน ศึกษากรณีตัวอย่างของธุรกิจที่นำ ESG ไปปรับใช้สำเร็จ
4. คำแนะนำรายธุรกิจ โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้
5. โอกาสรับวงเงินสนับสนุน เพื่อช่วยธุรกิจลงทุนในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน
ขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคตอย่างมั่นคง
ปีนี้มีผู้ประกอบการกว่า 60 องค์กรจากหลากหลายภาคส่วนเข้าร่วมโครงการ ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ ธุรกิจ SME ลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่น และสมาชิกสมาคมธุรกิจเพื่อสังคม (SE Thailand) ซึ่งจะได้รับความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ตั้งแต่มาตรการเกี่ยวกับ Climate Change การบริหารการเงินเพื่อความยั่งยืน (CFO/CFP) การประเมินสถานะ ESG ขององค์กร ไปจนถึงการสร้างยุทธศาสตร์ที่นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านธุรกิจอย่างยั่งยืน
Krungsri ESG Academy 2025 เป็นอีกก้าวสำคัญของภาคธุรกิจไทยในการพัฒนาความยั่งยืนให้เป็นจริง พร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ และยกระดับมาตรฐานการแข่งขันให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา