ในยุคที่การซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นเรื่องปกติ การลักลอบขายสินค้าผิดกฎหมายโดยเฉพาะบุหรี่เถื่อนกำลังเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่พบการเติบโตของบุหรี่เถื่อนพุ่งสูงจากการสั่งซื้อผ่านพัสดุถึงบ้าน ซึ่งเป็นช่องทางที่สร้างความท้าทายใหม่ให้กับการบังคับใช้กฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
สมาคมการค้ายาสูบไทย หนุนมาตรการเชิงรุกเพื่อสกัดกั้นการส่งสินค้าผิดกฎหมาย
นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย ได้เปิดเผยว่า บุหรี่เป็นสินค้าควบคุมที่ห้ามขายผ่านช่องทางออนไลน์ แต่พบว่าในช่วงปลายปี 2566 มีการพูดถึงและสนทนาเกี่ยวกับบุหรี่เถื่อนบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง X (Twitter), Facebook และเว็บไซต์ต่างๆ มากขึ้นถึง 181% ซึ่งทำให้บุหรี่เถื่อนเข้าถึงเยาวชนได้ง่ายขึ้น โดยการซื้อขายบุหรี่เถื่อนดังกล่าวละเมิดพ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ที่ห้ามการขายและโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
2 มาตรการหลักในการป้องกันการลักลอบขนส่งบุหรี่เถื่อน
สมาคมฯ เสนอให้มีการปฏิบัติการเชิงรุกใน 2 แนวทางหลัก ได้แก่
1. ปิดกั้นช่องทางออนไลน์ – การดำเนินการต้องเข้มข้นเหมือนกรณีบุหรี่ไฟฟ้า โดยให้กระทรวงดิจิทัลฯ ร่วมมือกับหน่วยงานที่ดูแลการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปิดกั้นการซื้อขายและโฆษณาบุหรี่ทางช่องทางออนไลน์
2. การตรวจสอบพัสดุต้องสงสัย – บริษัทขนส่งพัสดุควรมีมาตรการสุ่มตรวจสอบพัสดุต้องสงสัยที่ศูนย์คัดแยก โดยทำการแบล็คลิสต์ผู้ส่งและส่งข้อมูลให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อติดตามต้นตอของเครือข่ายการค้าผิดกฎหมาย
ความร่วมมือระหว่างกรมสรรพสามิตและภาคเอกชน
สมาคมการค้ายาสูบไทยได้ขอบคุณกรมสรรพสามิตและบริษัทขนส่งพัสดุที่ร่วมมือกันในการป้องกันการลักลอบส่งสินค้าผิดกฎหมาย โดยการลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันเพื่อการตรวจสอบและยึดพัสดุผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบุหรี่เถื่อนที่หลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต
รัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ย้ำถึงนโยบาย “Zero Tolerance” ในการปราบปรามบุหรี่เถื่อน ซึ่งจะช่วยลดช่องทางการจำหน่ายบุหรี่เถื่อนและป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงสินค้าผิดกฎหมาย
การปราบปรามบุหรี่เถื่อนที่จำหน่ายผ่านออนไลน์เป็นปัญหาที่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของสินค้าผิดกฎหมายที่กำลังส่งผลกระทบต่อสังคมในขณะนี้.