สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผนึกพลังเครือข่ายงดเหล้าและภาคีสุขภาพกว่า 6,050 องค์กรทั่วประเทศ เดินหน้ารณรงค์ “งดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2568” ภายใต้แนวคิด “มีสติ มีสุข ทุกโอกาส” จุดประกายพลังสติให้คนไทยลดละเลิกดื่มสุราในช่วงพรรษา 3 เดือน พร้อมยก 9 โมเดลต้นแบบทั่วไทยสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างยั่งยืน
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. เปิดเผยว่า จากผลสำรวจโครงการปี 2567 โดยศูนย์วิจัย SAB พบคนไทยเข้าร่วมงดเหล้าเข้าพรรษากว่า 13.1 ล้านคน โดยในจำนวนนี้ 58.1% งดได้ตลอดพรรษา และ 73% ระบุว่าได้รับผลดีอย่างน้อย 1 ด้าน เช่น สุขภาพดีขึ้น (48.6%) ประหยัดเงิน (40.5%) และสุขภาพจิตดีขึ้น (31.4%) รวมมูลค่าการประหยัดกว่า 1 หมื่นล้านบาท และกว่า 58% ตั้งใจจะงดต่อในปีนี้
“แคมเปญของไทยมีความโดดเด่นกว่าประเทศอื่น เนื่องจากใช้ช่วงเวลา 3 เดือนของพรรษา ซึ่งยาวนานกว่าการรณรงค์ในยุโรป เช่น Dry January (อังกฤษ) หรือ Dry July (ออสเตรเลีย) ที่งดเพียง 1 เดือน และพบว่าได้ผลด้านสุขภาพและเศรษฐกิจชัดเจนเช่นกัน” นพ.พงศ์เทพกล่าว
ด้าน นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุน สสส. ระบุว่า ปีนี้ยังมีความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจและนโยบายผ่อนคลายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการบริโภค จึงต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนในการส่งเสริมวัฒนธรรมงดเหล้า โดย สสส. ได้เปิดช่องทางให้คำปรึกษาเลิกเหล้าฟรีผ่านสายด่วน 1413 และเว็บไซต์ www.1413.in.th รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง Chatbot “น้องตั้งใจ”
นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เปิดเผยว่า โครงการปีนี้มีเครือข่ายร่วมรณรงค์เพิ่มขึ้นเป็น 6,050 แห่งทั่วประเทศ ทั้งโรงเรียน ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการ โดยมีรูปธรรมการดำเนินงาน อาทิ โครงการ “โพธิสัตว์น้อย” ที่ให้นักเรียนเขียนจดหมายชวนพ่อแม่เลิกเหล้า และกระบวนการ “5 ช.” คือ ชวน ช่วย ชม เชียร์ เชิดชู สำหรับชุมชนที่ร่วมขับเคลื่อนอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอ 9 พื้นที่ต้นแบบจากหลากหลายภาคส่วน อาทิ ผู้นำชุมชน นักการศึกษา ตำรวจ พระสงฆ์ และรัฐวิสาหกิจ ที่เป็นตัวอย่างของการใช้ “สติ” เปลี่ยนชีวิตตัวเองและสังคมรอบข้าง
“สติเป็นเครื่องมือที่เปลี่ยนชีวิตคนได้จริง การงดเหล้าไม่ใช่แค่ลดสุขภาพเสี่ยง แต่คือจุดเริ่มต้นของความสุขแบบยั่งยืนทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม” นายธีระ กล่าวทิ้งท้าย
