(22 ก.ค. 2568) — พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แสดงความขอบคุณประชาชนและกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน” ที่ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในการปกป้องอธิปไตยของไทย โดยยืนยันว่า การปกป้องแผ่นดินคือภารกิจหลักของกองทัพ และจะไม่ยอมให้เกิดการสูญเสียพื้นที่อย่างเด็ดขาด พร้อมกล่าวชื่นชมประชาชนที่ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง มีแต่ความตั้งใจยึดแผ่นดินไทยเป็นหลัก
แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ทหารตามแนวชายแดนยังขาดแคลนเสื้อผ้าและสิ่งของจำเป็นในบางพื้นที่ แต่ทุกนายมีขวัญกำลังใจที่ดี และกองทัพยังคงดำเนินภารกิจตามยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง โดยย้ำว่า “เรามีหลายวิธีในการแก้ปัญหา ไม่จำเป็นต้องยกกำลังเข้าไปเผชิญหน้า แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
กรณีเขตรั้วชายแดน
เกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งเรื่องเขตรั้วชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่กลุ่มปราสาทตาเมือน ที่กัมพูชายังไม่ยอมรับว่าเป็นดินแดนของไทย พล.ท.บุญสิน ระบุว่า ขณะนี้ทั้งสองประเทศยังคุยกันคนละเรื่อง และหากมีการสร้างรั้วกันแนวชายแดนจริง ก็อาจเกิดแรงเสียดทานจากมวลชน เพราะต้องใช้มาตรการเชิงรุก “หากจะทำรั้วต้องมั่นใจว่ายึดพื้นที่ได้จริง ไม่เช่นนั้นจะเกิดความขัดแย้งมากกว่าเดิม”
การจัดระเบียบการท่องเที่ยวชายแดน
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวเพิ่มเติมว่า นักท่องเที่ยวทุกชาติสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎของไทยอย่างเคร่งครัด หากพบการก่อกวน หรือเหตุทะเลาะวิวาท จะสั่งปิดปราสาททันทีเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อจัดระเบียบใหม่
ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมกองร้อยควบคุมฝูงชน และทหารพรานคอยดูแลความเรียบร้อย โดยเน้นคัดกรองอาวุธอย่างเข้มงวดก่อนเข้าสู่ตัวปราสาท
ความร่วมมือกับกัมพูชา
พล.ท.บุญสิน ยังเผยถึงการพูดคุยกับ พล.ต.เนี๊ยะ วงศ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา โดยย้ำให้ฝั่งกัมพูชาควบคุมคนของตนเองให้ได้ พร้อมเตือนว่า หากมีเหตุวุ่นวายหรือพฤติกรรมส่อยั่วยุ เช่น แสดงสัญลักษณ์เชิงการเมือง หรือก่อกวนพื้นที่ ก็จะดำเนินการ “ปิดปราสาททันที” เพื่อคลี่คลายสถานการณ์
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังเสนอให้มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เกิน 100 คนต่อวัน โดยเฉพาะการควบคุมกลุ่มบุคคลที่สร้างปัญหา เช่น “ป้ามหาภัย” หรือกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน
“เรายังมองในแง่ดีว่าสถานการณ์จะไม่บานปลาย แต่เรามีแผนรองรับ และแผนเผชิญเหตุไว้เรียบร้อยแล้ว” พล.ท.บุญสิน กล่าวทิ้งท้าย