28 ตุลาคม 2568 – SCG Decor (SCGD) เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 กำไรสุทธิ 305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เทียบไตรมาสก่อน และสูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 902 ล้านบาท เติบโต 12% จากไตรมาสก่อน และ 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัททำกำไร 744 ล้านบาท และ EBITDA 2,513 ล้านบาท

นายนำพลมลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGD กล่าวว่า “แม้ภาพรวมตลาดวัสดุตกแต่งพื้นผิวและก่อสร้างเผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการแข่งขันรุนแรง SCGD ยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ ด้วยการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งพัฒนาสินค้า HVA และกลุ่มสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่”
SCGD เดินหน้าขยายศักยภาพการผลิตในต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งเป็นฐานการผลิตและส่งออกหลักของภูมิภาคอาเซียน พร้อมรองรับความต้องการวัสดุก่อสร้างที่ฟื้นตัวในประเทศและตลาดโลกในอนาคต ด้วยกลยุทธ์ 4×4 ประกอบด้วย
1. ยกระดับฐานผลิต PRIME เวียดนาม เป็นศูนย์กลางผลิตและส่งออก เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและควบคุมต้นทุน เพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลก ในไตรมาส 3 ส่งออกกระเบื้อง 2.2 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้น 47% จากปีก่อน
2. เพิ่มกำลังผลิตและยอดขายกระเบื้องเกรซ พอร์ซเลน ที่ PRIME รองรับความต้องการวัสดุตกแต่งพื้นผิวคุณภาพสูงทั้งในเวียดนามและตลาดส่งออก ไตรมาส 3 มียอดขายกว่า 3.6 ล้านตารางเมตร
3. ขยายพอร์ตสินค้าใหม่ในประเทศไทย เติบโต 50% จากปีก่อน สร้างโอกาสยอดขายในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก
4. เจาะตลาดด้วยสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง (HVA) มีสัดส่วนยอดขายกว่า 41% ของรายได้ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เน้นสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เช่น กระเบื้องสุขอนามัยยับยั้งเชื้อไวรัส ผนังดูดซับกลิ่น และ Flowel Pure TECH by COTTO วัสดุปิดผิวผนังนวัตกรรมจากญี่ปุ่น
ด้านการเพิ่มความสามารถในการทำกำไร SCGD ลดต้นทุนพลังงานด้วยการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลและพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงปรับโครงสร้างต้นทุนวัตถุดิบ การบริหารฐานผลิต และการจัดการเงินทุนหมุนเวียน ทำให้ลดต้นทุนรวมหลายสิบล้านบาทต่อปี

นายสิทธิชัยสุขกิจประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน SCGD ระบุว่า “ใน 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ไปต่างประเทศ เพิ่มผู้แทนจำหน่ายเป็น 181 ราย ยอดขายสุขภัณฑ์ในต่างประเทศ 372 ล้านบาท และหลังเริ่มจำหน่ายวัสดุตกแต่งพื้นผิว SPC จากโรงงานในประเทศ ทำให้ต้นทุนรวมค่าจัดส่งลดลง ส่งผลให้ปริมาณการขาย 9 เดือนแรกเพิ่ม 47% จากปีก่อน”
บริษัทมีสินทรัพย์รวม 37,064 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA อยู่ที่ 1.3 เท่า ลดลงจากไตรมาสก่อน อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0.2 เท่า พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจและรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินในระยะยาว
![]()















