ไม่ต้องมีไทม์แมชชีนก็ย้อนเวลาได้เป็น 10-20 ปี เพราะปัจจุบันการทำศัลยกรรมดึงหน้า กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมความงาม เพราะนอกจากจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เทคนิคปัจจุบันทางการแพทย์ยังทำให้ ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติมาก
โดยปกติทั่วไปแล้วการดึงหน้า แบบเทคนิคเดิมจะใช้วิธีที่แค่ผ่าตัด และดึงผิวหนังบริเวณในส่วนนั้น ๆ ให้ตึงกระชับ ไม่ได้เน้นดึงไปถึงส่วนลึกของชั้นกล้ามเนื้อผิวหนังภายในบริเวณใบหน้า เนื่องจากวิธีนี้จะเป็นการผ่าตัดที่ง่าย และรวดเร็ว แต่รู้ไหมว่าเทคนิคนี้จะทำให้ใบหน้าของเรากลับมาหย่อนคล้อยในระยะเวลาที่รวดเร็ว เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ยังไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ปัจจุบันศัลยแพทย์จึงได้มีการนำเทคนิคใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อให้การผ่าตัดดึงหน้าได้ผลดีกว่าการผ่าตัดแบบเดิม เพื่อที่ผลลัพธ์ในระยะยาวใบหน้าของเราจะยังคงความอ่อนเยาว์ กระชับ และเต่งตึงได้ดี และนานยิ่งขึ้น
วันนี้เราพาไปเปิดบทสัมภาษณ์กับ นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด ศัลยแพทย์ผู้ครองใจและฝากผลงานการดึงหน้าไว้ให้กับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมาก
เทคนิคศัลยกรรมดึงหน้าที่ได้ผลดีในปัจจุบันเป็นอย่างไร?
การดึงหน้าในปัจจุบันมีการผสมผสานเทคนิคหลายอย่างเข้าด้วยกัน หลักการสำคัญคือ
- การดึงหน้าในชั้น SMAS (ชั้นกล้ามเนื้อของใบหน้า) จะช่วยให้ผลลัพธ์ยาวนานขึ้น และ ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
- การดึงหน้าในปัจจุบัน สามารถทำแยกส่วนได้ ไม่จำเป็นต้องทำทั้งใบหน้า จึงทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า พักฟื้นเร็วกว่า ดังนั้น การตรวจวิเคราะห์กับแพทย์โดยละเอียดก่อนว่า บริเวณใดสมควรได้รับการผ่าตัด จึงสำคัญอย่างยิ่ง
เทคนิคการดึงหน้าใหม่ในปี 2023 มีอะไรเพิ่มเข้ามาบ้าง ?
เทคนิคใหม่นี้ได้รับการพัฒนามาจากการศัลยกรรมดึงหน้าแบบเดิมจากคนไข้หลายหมื่นรายของศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด เป็นเวลากว่า 40 ปี เรียกว่า “ NEW Modern Facelift 2023” โดยเราค้นพบแล้วว่าการผ่าตัดดึงหน้าในชั้นกล้ามเนื้อระดับ SMAS ได้ผลลัพธ์ที่ดี จึงมีการเพิ่มเทคนิคการเย็บที่ ชั้น SMAS มากขึ้น ถึง 3 เทคนิค (Triple SMAS technique) ประกอบด้วย
-SMAS plication การเย็บทบชั้น SMAS ให้สั้นลงและตึงขึ้น
-SMASectomy การตัดเย็บชั้น SMAS ที่หย่อนคล้อยออกบางส่วน
-SMAS anchoring การเย็บดึงชั้น SMASให้อยู่ในแนวที่สูงขึ้น
ซึ่งการผสมผสานเทคนิคทั้ง 3 นี้ ทำให้ผลลัพธ์ของการดึงหน้าดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ผลลัพธ์ยาวนานมากขึ้น และสามารถปรับตามโครงสร้างร่างกายและปรับตามความหย่อนคล้อยของแต่ละบุคคลได้มากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังมีการผสมผสาน การฉีดไขมันของตัวเอง (Fat Grafting) ผสานสารสกัดพลาสม่า (PRP) ทั่วใบหน้า ด้วยเทคนิคบางมด ร่วมกับการผ่าตัดดึงหน้า ซึ่งสามารถทำร่วมกันในการผ่าตัดครั้งเดียวได้จึง ช่วยเติมเต็มร่อง และริ้วรอยต่างๆ ให้ตื้นลง และทำให้คุณภาพของผิวดีขึ้นได้อีกด้วย
ด้าน Mr. Henry Tochterman วิศวกรชาวออสเตรเลีย วัย 68 ปี ซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อเข้ารับการผ่าตัดดึงหน้าเทคนิคบางมด เปิดเผยว่า ได้ทราบข่าวการศัลยกรรมเทคนิคใหม่นี้จาก YouTube และศึกษาข้อมูลอยู่หลายที่จากทั่วโลก จนมั่นใจที่โรงพยาบาลบางมดซึ่งหลังการผ่าตัดรู้สึกประทับใจ พอใจ กับผลลัพธ์ และมีความสุขมากๆ และคิดว่าตนเองดูหนุ่มขึ้นหลาย 10 ปีจริง ๆ
ขณะที่คุณ วิสมัย เพ็งถาวร อายุ 59 ปี เดินทางมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อมาทำศัลยกรรม ดึงหน้า ดึงหน้าผาก ดึงหางตา และเย็บปีกจมูก กับนพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งเเละผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด การดึงหน้าด้วยเทคนิค Modern Facelift 2023 เป็นเทคนิคการดึงหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำการผ่าตัดในผิวหนังชั้นลึกขึ้นที่เรียกว่าชั้นสแมช (SMAS) ซึ่งจะทำให้เกิดความเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์จากการผ่าตัดอยู่ได้ยาวนานและคงทนมากขึ้น ส่วนผลลัพธ์หลังทำนั้นเรียกได้ว่าใบหน้าเปลี่ยนไปมาก แต่เปลี่ยนไปเป็นตัวเองในสมัยยังสาว เหมือนย้อนวัยไป 15 ปี ไม่ใช่เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าแบบคนอื่นซึ่งตรงกับความต้องการของตน
อย่างไรก็ตามทางศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด คำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้ที่สนใจจึงควรเข้ามารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางก่อน เพื่อตรวจประเมินทั้งร่างกาย และจิตใจตามหลักการแพทย์โดยละเอียดว่าสมควรเข้ารับการผ่าตัดหรือไม่
ปรึกษาศัลยกรรมความงาม โทร. 0-2867-0606 ต่อ 1200-1204