พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ (PD) ในเครือ บมจ.มั่นคงเคหะการ ประกาศเปิดตัวโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 7 (Bangkok Free Trade Zone: BFTZ 7) ถนนบางนา-ตราด กม.10 พื้นที่เช่าประมาณ 36,000 ตร.ม. เล่นเกมรุกปักธงในทำเลยุทธศาสตร์ บางนา-ตราด ตอกย้ำบทบาทตัวจริงผู้พัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าของไทย พร้อมกันนี้ ยังกางโรดแมพการขยายอาณาจักรบางกอกฟรีเทรดโซนในปี 2566 ต่อยอดกลยุทธ์ ‘มากกว่าพื้นที่’ (More Than Just Space) พัฒนาพื้นที่เช่ามุ่งสู่ 2 ล้าน ตร.ม. ภายใน 5 ปี ด้วยงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อขับเคลื่อนวงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม นำโดยการพัฒนาพื้นที่เช่าในโครงการ BFTZ 4 บางปะกง, โครงการ BFTZ 6 ถนนบางนา-ตราด กม.19 และ โครงการ BFTZ 7 ถนนบางนา-ตราด กม.10 รับดีมานด์ลูกค้าต่างชาติที่พุ่งสูงหลังเปิดประเทศ โดยครึ่งปีแรก ปิดดีลลูกค้าแล้วกว่า 100,000 ตร.ม.
นางสาวรัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาและบริหาร ‘โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน’ กล่าวว่า “นับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เป็นต้นมา ความต้องการใช้งานคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะทำเลยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ สะท้อนได้จากพื้นที่ของโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน ซึ่งมีอัตราการเช่าเฉลี่ยรวมทุกโครงการสูงถึง 85.88% โครงการ BFTZ 7 จึงเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของ PD ซึ่งจะมาเติมเต็มความแข็งแกร่งของโครงการเดิมในโซนบางนา-ตราด นอกเหนือจากโครงการ BFTZ 1 ถนนบางนา-ตราด กม.23 รวมถึง โครงการ BFTZ 2 ถนนเทพารักษ์ และ BFTZ 3 ถนนบางนา-ตราด กม.19 ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเราพัฒนาพื้นที่และเติมผู้เช่าได้อย่างรวดเร็ว จากโมเดลการพัฒนาอาคารแบบเดิมซึ่งเริ่มต้นจากที่ดินเปล่า โครงการ BFTZ 7 นั้นมาพร้อมโมเดลใหม่ คือการเข้าแปลงโฉมอาคารคลังสินค้าที่มีอยู่แล้วให้ตอบโจทย์ภายในระยะเวลาอันสั้น สะท้อนวิสัยทัศน์และตอกย้ำความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาพื้นที่ทุกรูปแบบ ทำให้เราสามารถรองรับธุรกิจที่หลากหลายในทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มใช้งานอาคารในระยะยาว พร้อมขยายธุรกิจไปกับเรา”
แม้ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โครงการ BFTZ 7 ก็ได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท นิ่มเอ็กซ์เพรส จำกัด บริษัทโลจิกสติกส์ชั้นนำของไทย ที่ต้องการขยายธุรกิจและยกระดับมาตรฐานอาคารสำหรับกระจายสินค้า ซึ่งจองใช้พื้นที่เรียบร้อยแล้ว สอดคล้องกับสถานการณ์การเติบโตของตลาดโลจิสติกส์ไทย ปี 2565 มีมูลค่าทุนจดทะเบียนสะสมกว่า 419,720.39 ล้านบาท (ข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า) นอกจากนี้ ข้อมูลอุตสาหกรรมผู้เช่าใน 6 โครงการเดิม ยังสะท้อนโอกาสใหม่ทางธุรกิจหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค, ธุรกิจรีไซเคิล, ธุรกิจผลิต Solar Cell, ธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่เติบโตไปกับเทรนด์พลังงานสะอาดอย่างยานยนต์ไฟฟ้า
ยกระดับกลยุทธ์ ‘มากกว่าพื้นที่’ ส่งอาคาร Ready Built-to-Suit เชื่อมั่นปิดปีด้วยลูกค้าใหม่ 150,000 ตร.ม.
ด้วยจุดแข็งอย่างพื้นที่เช่าในโครงการ BFTZ 3 ถนนบางนา-ตราด กม.19 และ โครงการ BFTZ 5 วังน้อย ซึ่งพัฒนาเสร็จเต็มพื้นที่พร้อมส่งมอบทันที ตอบโจทย์ความต้องการใช้พื้นที่อาคารคลังสินค้าและโรงงานของลูกค้าต่างชาติช่วงหลังเปิดประเทศที่มีแนวโน้มมองหาและตัดสินใจเช่าพื้นที่รวดเร็วขึ้น รวมถึงความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอาคารเฉพาะทาง ดังเช่น อาคารคลังสินค้าวัตถุอันตราย (DG Warehouse) ในโครงการ BFTZ 3 บนพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) หนึ่งเดียวย่านบางนา-ตราด ซึ่งพร้อมสร้างแต้มต่อให้ผู้ประกอบการมาใช้งานพื้นที่เพิ่มเติมได้
จากศักยภาพในครึ่งปีแรก PD มั่นใจว่าจะปิดปีด้วยลูกค้าใหม่รวมกว่า 150,000 ตร.ม. นำมาสู่การปรับเปลี่ยนภาพรวมโรดแมพในปี 2566 ให้รองรับการเติบโตในทำเลศักยภาพแห่งอนาคต โดยพุ่งเป้าไปที่โครงการ BFTZ 4 บางปะกง, BFTZ 6 ถนนบางนา-ตราด กม.19, โครงการ BFTZ 7 ถนนบางนา-ตราด กม.10 ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบภายในสิ้นปี 2566 และต้นปี 2567 ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมเร่งยกระดับกลยุทธ์ ‘มากกว่าพื้นที่’ มอบความยืดหยุ่นทั้งด้านการบริการและการใช้งานอาคารครบทุกมิติ ผ่านอาคารรูปแบบ Ready Built-to-Suit ซึ่งเป็นการพัฒนาอาคารเดิมที่ได้มาตรฐานอยู่แล้วให้ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของลูกค้าแต่ละอุตสาหกรรมที่มีความเฉพาะตัว นำมาซึ่งสัญญาเช่าระยะยาว และดันอาคารขนาดใหญ่พื้นที่เช่าตั้งแต่ 10,000 ตร.ม. ให้ได้รับความสนใจมากขึ้น
หมุดหมายใหม่ ลุยพื้นที่วังน้อย และ EEC หลังทำผลงานทะลุเป้า 1 ล้าน ตร.ม. บริษัทมองว่าภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมในสถานการณ์เศรษฐกิจไทยวันนี้กำลังเติบโต ด้วยสัญญาณดีจากหลายปัจจัยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการนำเข้า-ส่งออก สำหรับผู้ประกอบการบนพื้นที่เขตปลอดอากร หรือ Free Zone, ความแข็งแกร่งของพันธมิตรทางธุรกิจในไทย (Ecosystem) บวกกับนโยบายด้านการลงทุนที่ส่งผลดีต่อการทำธุรกิจ อาทิ การประกาศส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วนของรัฐบาลไทย ซึ่งจะกระตุ้นให้กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจหลั่งไหลเข้ามาต่อเนื่อง
“การดำเนินธุรกิจในยุคปกติใหม่ ต้องไม่รอให้ถูก Disrupt แล้วแก้ไขสถานการณ์ แต่ต้อง Proactive พร้อมปรับตัวและเตรียมรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา PD มองว่า 3 ตัวแปรหลัก ได้แก่ ทำเลศักยภาพ คุณภาพอาคารและการบริการ รวมถึงความเชื่อมั่นในประสบการณ์ของผู้พัฒนาโครงการ คือ สิ่งที่นักลงทุนตัดสินใจเลือกโครงการของเราตั้งฐานการผลิตและประกอบธุรกิจ การยึดมั่นในกลยุทธ์และทำงานใกล้ชิดลูกค้า ส่งผลให้เป้าหมายการพัฒนาพื้นที่เช่าในไปป์ไลน์ประสบความสำเร็จเกินคาด จากเดิม 1,000,000 ตร.ม. ภายในปี 2567 มุ่งสู่ 2,000,000 ตร.ม. ภายในปี 2571 ขณะที่ New Goal ของบริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสพัฒนาโครงการใหม่ เพราะเรามีที่ดินในพอร์ต รอการพัฒนาตรงบริเวณพื้นที่วังน้อย จุดยุทธศาสตร์กระจายสินค้าสู่ภูมิภาค และ แหลมฉบัง ซึ่งอยู่ในเขต EEC หมุดหมายใหม่ของการเติบโตหลังจากนี้” นางสาวรัชนี กล่าวเสริม
เพื่อเพิ่มเม็ดเงินการลงทุนสำหรับขยายธุรกิจ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ เตรียมออกหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2566 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ (คาดว่า) 6.70% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ ระยะเวลาเสนอขายวันที่ 26-28 มิ.ย. 2566 ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จำนวนของหุ้นกู้ที่เสนอขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 700,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 700 ล้านบาท เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ผ่านผู้จัดการการจำหน่ายหลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด