สมาคมประกันวินาศภัยไทย เผยแนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2568 คาดว่าจะเติบโต 1.5%-2.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงอยู่ในช่วงประมาณ 291,240-294,100 ล้านบาท ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตของประกันสุขภาพและประกันความเสี่ยงภัยธรรมชาติ ที่เพิ่มขึ้นในหมู่ประชาชน
ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่าผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กันยายน) มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 209,060 ล้านบาท ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่าผลประกอบการทั้งปี 2567 จะเติบโตอยู่ที่ 0.0%-1.0% ด้วยมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 285,790-288,650 ล้านบาท
คาดการณ์ตลอดทั้งปี 2567 มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจะอยู่ที่ประมาณ 285,790-288,650 ล้านบาท โดยธุรกิจยังคงเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้มในปี 2568
คาดการณ์ว่าธุรกิจจะฟื้นตัวดีขึ้นจากปัจจัยหนุนหลายด้าน:
1. การท่องเที่ยวฟื้นตัว: คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 36 ล้านคน ในปี 2568 ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยการเดินทางเติบโตต่อเนื่อง
2. ประกันสุขภาพเติบโต: จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น มูลค่าการเติบโตเฉลี่ยปีละ 5%-7%
3. การใช้เทคโนโลยี InsurTech: เพิ่มโอกาสการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคดิจิทัล
สมาคมประกันวินาศภัยคาดว่าตลาดจะยังคงมีการกระจายตัวของเบี้ยประกันภัยใน 4 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. ประกันภัยรถยนต์: สัดส่วน 57%-59% 2. ประกันอัคคีภัยและทรัพย์สิน: สัดส่วน 10%-12% 3.ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล: สัดส่วน 21%-23%
และ 4. ประกันภัยทางทะเลและการขนส่ง: สัดส่วน 3%-4%
นายกสมาคมย้ำว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค รวมถึงการบริหารความเสี่ยงด้านภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ จะเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตในระยะยาวของอุตสาหกรรมนี้