ในปี 2567 สถานการณ์การหลอกลวงทางโทรศัพท์และข้อความ SMS ในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยมีจำนวนการหลอกลวงถึง 168 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่น่าสังเกตคือ มิจฉาชีพไม่ได้ใช้แค่เทคนิคเดิมๆ แต่ยังนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเสริมกลโกงให้ซับซ้อนและแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
ผู้ใช้งาน Whoscall ได้รับการปกป้องจากภัยมิจฉาชีพในทุกๆ วันถึง 460,000 ครั้ง ผ่านฟีเจอร์ Caller ID ที่สามารถตรวจจับหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่น่าเชื่อถือ และเตือนภัยได้ทันที นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ ID Security ที่ช่วยตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ ที่อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
การแอบอ้างองค์กรภาครัฐและเอกชน รวมถึงการหลอกลวงทางการเงินก็ยังคงเป็นกลโกงที่มิจฉาชีพใช้บ่อยครั้ง ผ่านทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ SMS โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหลอกลวงเกี่ยวกับการขอสินเชื่อ การเล่นพนัน หรือการแอบอ้างเป็นหน่วยงานต่างๆ เช่น ธนาคาร หรือบริษัทขนส่งสินค้า
นอกจากนี้ ยังมีการแทรกซึมของลิงก์อันตรายที่อาจนำไปสู่เว็บไซต์ปลอม หรือแม้กระทั่งเว็บไซต์ที่มีมัลแวร์เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว หากคลิกลิงก์เหล่านี้ อาจจะทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว
เพื่อป้องกันตัวเองจากภัยมิจฉาชีพเหล่านี้ ควรใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ เช่น แอป Whoscall ที่ช่วยตรวจจับหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่น่าเชื่อถือ และฟีเจอร์ Web Checker ที่ช่วยปกป้องจากลิงก์อันตรายได้ทันที
ท้ายที่สุด ความตระหนักและการป้องกันตัวเองจากภัยมิจฉาชีพในยุคดิจิทัลนี้ เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องให้ความสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงจากการตกเป็นเหยื่อของกลโกงต่างๆ และสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากภัยไซเบอร์ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน.