ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและประชาชนในเขตชุมชนเมืองต้องเผชิญกับภาระค่าครองชีพที่หนักหน่วงมากขึ้นทุกวัน ด้วยเหตุนี้ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และองค์การคลังสินค้า (อคส.) จึงร่วมกันผลักดัน “โครงการจัดจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด” เพื่อนำของกินของใช้จำเป็นเข้าถึงชุมชนของการเคหะแห่งชาติในราคาที่ยุติธรรม
ร่วมลงนาม MOU วางหมากช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 การเคหะแห่งชาติและองค์การคลังสินค้าได้จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ณ สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ ถนนนวมินทร์ กรุงเทพฯ เพื่อประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการในการนำสินค้าจำเป็นจากผู้ผลิตโดยตรง มาจัดจำหน่ายในราคาประหยัดแก่ประชาชนในพื้นที่ชุมชนของการเคหะแห่งชาติทั่วประเทศ
พิธีลงนามได้รับเกียรติจาก ดร. มณเฑียร อินทร์น้อย กรรมการการเคหะแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี และ ดร. ปิยะนุช สัมฤทธิ์ กรรมการองค์การคลังสินค้า เป็นสักขีพยาน โดยมี นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และ นายธิรินทร์ ณ ถลาง ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้
ความร่วมมือที่มากกว่าแค่ “ของถูก”
โครงการนี้ถือเป็นการบูรณาการพันธกิจของหน่วยงานรัฐในการ “ลดค่าครองชีพ” และ “เสริมสร้างความมั่นคงในชีวิต” ของประชาชนกลุ่มเปราะบาง ผ่านการกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช และสินค้าชุมชนอื่น ๆ ด้วยราคาย่อมเยา เข้าถึงได้ง่าย และไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ระบุว่า การเคหะแห่งชาติมิได้มีภารกิจเพียงการจัดหาที่อยู่อาศัย แต่ยังมุ่งเน้น “คุณภาพชีวิต” โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนต้องปรับตัวอย่างหนัก
> “ความมั่นคงด้านอาหาร คือความมั่นคงขั้นพื้นฐานของชีวิต ยิ่งในช่วงที่ค่าครองชีพพุ่งสูง การเข้าถึงอาหารและของจำเป็นในราคาที่ยุติธรรมจึงสำคัญมาก เราจึงต้องลงมือทำทันที”
ขับเคลื่อนตามนโยบาย “5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร”
โครงการนี้ยังสอดคล้องกับนโยบาย “5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร” ที่ขับเคลื่อนโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ลดความเหลื่อมล้ำ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืน
โครงการนี้ยังตอบโจทย์ “วิสัยทัศน์การเคหะแห่งชาติ” ที่ว่า “สร้างบ้าน สร้างสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี” อย่างเป็นรูปธรรม
เริ่มต้นที่ “วัดกู้ 2” สู่ต้นแบบชุมชนยั่งยืน
โครงการนำร่องได้เริ่มต้นขึ้นที่ “โครงการเคหะชุมชนเอื้ออาทร วัดกู้ 2” จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพของชุมชน โดยใช้ระยะเวลา 3 เดือนในการประเมินผลความพึงพอใจของประชาชน และการจัดการระบบโลจิสติกส์ ก่อนจะขยายไปยังโครงการอื่นทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังมีการเตรียมวางระบบจำหน่ายออนไลน์ร่วมกับแพลตฟอร์มของ อคส. เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่อาศัยในชุมชนของ กคช. ทั่วประเทศ
สร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน โครงการนี้ยังช่วยเหลือเกษตรกรไทยในการระบายผลผลิตเข้าสู่ตลาดโดยไม่ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง ส่งเสริมการเข้าถึงสินค้าคุณภาพ กระตุ้นการจ้างงาน และฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากในระยะยาว
สำหรับ โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงโครงการหนึ่งในเชิงนโยบาย แต่เป็นอีกหนึ่ง “กลไกเชิงรุก” ที่แสดงให้เห็นว่าการผนึกกำลังระหว่างหน่วยงานรัฐสามารถสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ เมื่อบ้านคือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ดี การส่งต่ออาหาร ของใช้ และความหวังจึงเป็นหัวใจของการ “สร้างสุข” อย่างแท้จริง