บริษัท SCG Decor (SCGD) ผู้นำในธุรกิจเซรามิก วัสดุตกแต่งพื้นผิวและสุขภัณฑ์ ในภูมิภาคอาเซียน ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 โดยมีการเติบโตที่น่าพอใจในด้านกำไรและผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การลดค่าใช้จ่ายจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ และการปรับตัวเพื่อรับมือกับสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ในไตรมาส 1 ปี 2568 SCGD มีกำไร 217 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 171% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทสามารถทำกำไรจากการลดต้นทุนและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีผลบวกต่อผลการดำเนินงาน โดยบริษัทได้ดำเนินการตามแผนที่กำหนดเพื่อรับมือกับภาษีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและการแข่งขันทางการค้าในระดับโลก
กลยุทธ์ในการเติบโตและการแข่งขัน
SCGD เตรียมเดินหน้าด้วย 4 กลยุทธ์หลักในการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายตลาดใหม่ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุน และการขยายการส่งออกเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคออสเตรเลีย แคนาดา และตะวันออกกลาง
1. มุ่งดูแลรักษาลูกค้าเดิมและขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ทั่วโลก โดยเน้นการส่งออกสินค้าไปยังตลาดที่มีความต้องการเฉพาะ เช่น ออสเตรเลียและตะวันออกกลาง
2. ปรับการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อบริหารจัดการสินค้าคงคลังและต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
3. มุ่งเป็นผู้นำด้านการบริหารต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะการปรับปรุงการผลิตในโรงงานต่างประเทศ เช่น โครงการกระเบื้องพอร์ซเลนในเวียดนาม
4. เพิ่มโอกาสด้วยการนำเข้าหรือจ้างผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ พร้อมเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคด้วยสินค้าคุณภาพมาตรฐาน SCGD ในราคาที่แข่งขันได้
การลงทุนและโครงการลดต้นทุน
SCGD ยังมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนผ่านโครงการต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มผลกำไรในปีนี้ โดยบริษัทได้ลงทุนในระบบผลิตพลังงานจากชีวมวล และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในโรงงานต่าง ๆ เพื่อทดแทนการใช้พลังงานฟอสซิล
ในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทฯ ยังสามารถขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ไปยังตลาดต่างประเทศ และเพิ่มผู้แทนจำหน่ายในต่างประเทศไปถึง 170 ราย โดยมียอดขายสุขภัณฑ์ในต่างประเทศ 126 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
ทั้งนี้ SCGD กำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงในการรักษาผลประกอบการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายจากสงครามการค้าและความไม่แน่นอนในตลาดโลก โดยการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการขยายตลาดส่งออกเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันได้อย่างแข็งแกร่งในระดับสากล
![]()














