ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ประกาศเร่งเดินหน้ายกระดับเกษตรกรไทยแบบรอบด้าน ด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และตลาด ภายใต้กลไก “Essence of Agriculture” ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์เกษตรไทย เพื่อยกระดับรายได้ของเกษตรกรและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า กลไก “Essence of Agriculture” เปรียบเสมือนแกนกลางพัฒนาเกษตรกรไทยในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าผลิตภัณฑ์เกษตรจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ พร้อมขับเคลื่อนผ่านโครงการสำคัญ อาทิ การยกระดับผลิตภัณฑ์ผ่านการ Repackage และ Redesign ภายใต้แนวคิด “ทำน้อยได้มาก” เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดูทันสมัย โดดเด่น น่าสนใจ และตรงใจผู้บริโภคยุคใหม่มากยิ่งขึ้น
หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จ คือ โครงการ ข้าวพร้อมทาน “อุ่นอิ่ม” ของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด (สกต.ร้อยเอ็ด) ซึ่งได้นำข้าวหอมมะลิ GI ทุ่งกุลาร้องไห้มาพัฒนาเป็นข้าวพร้อมรับประทาน โดยใช้เทคโนโลยี Retort ในการฆ่าเชื้อเพื่อให้เก็บรักษาได้นานถึง 18 เดือน โดยไม่ต้องแช่เย็น สะดวกต่อการบริโภคทั้งในและนอกบ้าน ปัจจุบันสามารถจำหน่ายได้แล้วกว่า 40,000 ถ้วย คิดเป็นรายได้รวมกว่า 1.8 ล้านบาทภายในเวลาเพียง 8 เดือน
ในปีบัญชี 2568 ธ.ก.ส. เตรียมขยายความสำเร็จนี้ไปยังสหกรณ์อื่น ๆ อาทิ สกต.นครปฐม ซึ่งผลิตข้าว กข.43 น้ำตาลต่ำเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ และ สกต.สุรินทร์ ซึ่งมีข้าวหอมนิลและข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ปลูกแบบธรรมชาติปลอดสารเคมี โดยตั้งเป้าผลักดันให้ “อุ่นอิ่ม” มีรายได้รวมมากกว่า 5 ล้านบาทภายในสิ้นปี
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทาง BAAC Branch Outlet ที่ปัจจุบันมีมากถึง 387 สาขาทั่วประเทศ โดยในปีบัญชี 2567 มียอดจำหน่ายรวม 9.6 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 600 สาขาในปีบัญชี 2568 พร้อมยอดจำหน่ายรวม 12 ล้านบาท เสริมด้วยโครงการ BAAC Outlet Mobile ที่ออกจำหน่ายสินค้านอกสถานที่เพื่อเพิ่มการเข้าถึงของผู้บริโภค
อีกหนึ่งภารกิจสำคัญคือการผลักดันผลิตภัณฑ์เกษตรคุณภาพสูงที่ผ่านมาตรฐาน GAP และการรับรองคุณภาพให้เป็น A-Product โดยมีจำนวนแล้วกว่า 269 ราย พร้อมเดินหน้าปรับภาพลักษณ์สินค้าเหล่านี้ให้ทันสมัย และต่อยอดเป็นสินค้า Glam Agro หรือ “สินค้าเกษตรติดแกลม” เพื่อเจาะตลาดที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางของธนาคารอย่างเข้มข้น
เพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างแท้จริง ธ.ก.ส. ยังเดินหน้า ส่งเสริมการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างสถาบันเกษตรกรกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยตั้งเป้าการจับคู่ธุรกิจไม่น้อยกว่า 90 คู่ และคาดว่าปริมาณการรวบรวมผลผลิตทางการเกษตรจะไม่น้อยกว่า 700,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5,900 ล้านบาท
ด้วยเป้าหมายในการเป็น “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” ธ.ก.ส. พร้อมทำหน้าที่เป็นแกนกลางเชื่อมโยงองค์ความรู้ ทุน เทคโนโลยี และตลาด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย สู่การพัฒนาชนบทอย่างแท้จริงและยั่งยืนในทุกมิติ