สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เดินหน้าจัดทำ ร่างหลักการกำกับดูแลกลุ่มบริษัทประกันภัยในระดับ Full Consolidation เพื่อยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยของประเทศไทยให้สอดคล้องกับหลักสากล ตามหลักการประกันภัย (Insurance Core Principles : ICPs) ข้อ 23 ซึ่งมุ่งเน้นการกำกับดูแลแบบรวมกลุ่ม (Group-Wide Supervision : GWS)
โดย คปภ. ได้วางเป้าหมายเสนอร่างหลักการดังกล่าวต่อคณะกรรมการ คปภ. ภายในไตรมาส 4 ปี 2568 และคาดว่าจะสามารถออกหลักเกณฑ์บังคับใช้ได้ภายใน ไตรมาส 2 ของปี 2569 เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใส เสถียรภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมประกันภัยไทย
ทั้งนี้ คปภ. ได้แบ่งแนวทางการกำกับดูแลออกเป็น 2 ระดับ คือ
1️⃣ ระดับ Solo Consolidation – ครอบคลุมบริษัทประกันภัยและบริษัทลูกที่ถือหุ้นเกิน 50% หรือมีอำนาจควบคุม
2️⃣ ระดับ Full Consolidation – ครอบคลุมบริษัทแม่สูงสุดและนิติบุคคลที่อยู่ในเครือทั้งหมด รวมถึงบริษัทร่วม โดยในกรณีที่บริษัทแม่สูงสุดเป็นต่างชาติ หรืออยู่ภายใต้การกำกับของ ธปท. หรือ ก.ล.ต. คปภ. จะใช้รูปแบบการกำกับผ่าน Supervisory College เพื่อหลีกเลี่ยงการกำกับซ้ำซ้อน
ในช่วงปี 2567–2568 คปภ. ได้เริ่มบังคับใช้หลักเกณฑ์ GWS ระดับ Solo Consolidation แล้ว และอยู่ระหว่างจัดทำร่าง Full Consolidation โดยได้จัดประชุม Focus Group ร่วมกับบริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย สศค. ก.ล.ต. และ ธปท. เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน เพื่อให้หลักการมีความครบถ้วนและนำไปใช้ได้จริง
สำหรับหลักการ GWS ครอบคลุมในมิติทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ได้แก่
ฐานะการเงินในระดับกลุ่ม
โครงสร้างการถือหุ้นและคุณสมบัติกรรมการ
การจ่ายเงินปันผล
เพดานการลงทุนภายในกลุ่ม
การทำประกันภัยต่อภายในกลุ่ม
ธุรกรรมระหว่างกัน (Intra-Group Transactions)
เงินกองทุนของกลุ่มธุรกิจประกันภัย (Group Capital)
การบริหารความเสี่ยงและธรรมาภิบาลในระดับกลุ่ม
นอกจากนี้ คปภ. ยังได้เพิ่มคำนิยาม “หัวหน้ากลุ่มธุรกิจประกันภัย (Head of Insurance Group)” หมายถึงนิติบุคคลที่เป็นบริษัทแม่หรือมีหน้าที่กำกับดูแลกลุ่มธุรกิจประกันภัย พร้อมพิจารณาเปิดทางให้บริษัทประกันภัยสามารถลงทุนในธุรกิจอื่นได้หลากหลายมากขึ้น ภายใต้กรอบการกำกับที่โปร่งใสและธรรมาภิบาลที่ดี
สำนักงาน คปภ. มั่นใจว่าการออกหลักเกณฑ์กำกับดูแลในระดับ Full Consolidation จะช่วยยกระดับมาตรฐานของระบบกำกับดูแลภาคประกันภัยไทยให้ทัดเทียมกับสากล สนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของธุรกิจประกันภัยไทยในอนาคต
