Saturday, November 1, 2025
3-TOA
4-NHA
5-MR-DIY
7-SME
8-VIRIYAH
9-PRU
10-Kbank
11-MuangThai
12-BAAC
13-TLI
14-BKL
15-AIA
previous arrow
next arrow
HomeFINANCIAL การเงินBANKS แบงค์ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ “อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย” เผชิญโจทย์ใหญ่รอบใหม่ มาตรการภาษีสหรัฐฯ-ค่ายรถจีนรุกหนัก-มาตรฐานสิ่งแวดล้อมเข้ม ท้าทายศักยภาพแข่งขันระยะยาว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ “อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย” เผชิญโจทย์ใหญ่รอบใหม่ มาตรการภาษีสหรัฐฯ-ค่ายรถจีนรุกหนัก-มาตรฐานสิ่งแวดล้อมเข้ม ท้าทายศักยภาพแข่งขันระยะยาว

(30 ตุลาคม 2568) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทยกำลังเผชิญแรงกดดันรอบใหม่จากหลายปัจจัย ทั้งมาตรการภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐฯ การแข่งขันรุนแรงจากค่ายรถจีนที่ขยายตลาดทั่วโลก และการยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของประเทศคู่ค้า ซึ่งจะเป็นบททดสอบสำคัญต่อการปรับตัวของอุตสาหกรรมไทยในระยะยาว

ดร. รุจิพันธ์ อัสสะรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า
แม้ไทยจะมีสัดส่วนการส่งออกรถยนต์ไปสหรัฐฯ ค่อนข้างน้อย แต่มาตรการภาษีนำเข้าภายใต้ Section 232 มีแนวโน้มส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการส่งออกของไทยในตลาดโลก เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจปรับแผนกระจายสินค้าส่งออกไปยังตลาดอื่นมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดโลกยิ่งรุนแรง

ขณะเดียวกัน มาตรการนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ของไทยไปยังสหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 26% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ยางล้อขนาดเล็กของไทยยังมีข้อได้เปรียบทั้งในด้านต้นทุนและคุณภาพ อีกทั้งไทยยังได้รับการยกเว้นภาษี Section 232 ภายใต้มาตรการ Import Adjustment Offset ประมาณ 12% ของมูลค่าการส่งออกชิ้นส่วน (ไม่รวมยางล้อ) ซึ่งสูงกว่าญี่ปุ่นที่ได้เพียง 3%

ด้าน นางหทัยวัลคุ์ ตุงคะธีรกุล เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโสของศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า การรุกตลาดของค่ายรถจีนผ่าน “สงครามราคา” ส่งผลต่อโครงสร้างการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในภาคการผลิตและบริการ โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้บริโภคทั่วโลกหันมานิยมรถไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้ค่ายรถหลักเดิมสูญเสียส่วนแบ่งตลาด

ขณะเดียวกัน ตลาดสำคัญอย่าง ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นปลายทางหลักของการส่งออกรถยนต์ไทย ได้ปรับมาตรฐานการปล่อย CO₂ และระบบเบรกให้เข้มงวดขึ้นตั้งแต่ปี 2568 ซึ่งจะหนุนดีมานด์รถยนต์ไฮบริด (HEV และ PHEV) แต่จะเป็นแรงกดดันให้ความต้องการรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) ที่ไทยผลิตเป็นหลักลดลงอย่างต่อเนื่อง

ส่วน ดร. กฤตย์ สีตะธนี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า การที่ไทยประกาศ เลื่อนเป้าหมาย Net Zero เร็วขึ้น 15 ปี ทำให้ภาคขนส่งต้องเร่งปรับตัวเพิ่มสัดส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) โดยปัจจุบันรถ BEV มีเพียง 1.2% ของรถยนต์สะสมทั้งหมดในประเทศ ซึ่งยังมีช่องว่างอีกมากในการผลิตเพื่อทดแทนรถ ICE ภายในปี 2593

ทั้งนี้ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในตลาดหลักทรัพย์ราว 65% ยังไม่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่บริษัทขนาดใหญ่บางแห่งเริ่มขยับตัวแล้ว เพื่อรองรับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของคู่ค้าในอนาคต

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะว่า ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องเร่ง ปรับกลยุทธ์เชิงรุก ทั้งในด้านเทคโนโลยี การบริหารต้นทุน และการลงทุนในรถยนต์พลังงานทางเลือก เพื่อรับมือกับแนวโน้มตลาดที่สัดส่วนรถ ICE ลดลงต่อเนื่อง ขณะที่รถ HEV, PHEV และ BEV จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในอนาคต

Loading

RELATED ARTICLES
BAM
BAM
previous arrow
next arrow

Most Popular

PDPA Icon

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ เราใช้คุกกี้ คุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ของคุณได้ที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

บันทึกการตั้งค่า