ดัน “ปูนคาร์บอนต่ำ–เซรามิกเวียดนาม” รับดีมานด์โต ขยาย Smart Value ลดต้นทุนด้วย AI–Robotics
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยที่ยังถดถอยต่อเนื่อง “เอสซีจี” (SCG) ยืนหนึ่งฝ่าวิกฤตด้วยกระแสเงินสดแข็งแกร่ง (EBITDA) ไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 14,191 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 774 ล้านบาท (ไม่รวมรายการพิเศษ) ตอกย้ำฐานะทางการเงินมั่นคง พร้อมเร่งเดินหน้า 4 กลยุทธ์หลัก เสริมภูมิคุ้มกันธุรกิจ รับมือพายุเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่คลี่คลาย
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยในช่วงไตรมาส 3 ยังคงถูกกดดันจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ความขัดแย้งรัสเซีย–ยูเครน รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าถึง 5% สูงสุดในรอบ 4 ปี กระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่ IMF คาด GDP โลกปี 2569 ชะลอเหลือ 3.1% ส่วนไทยโตเพียง 1.6% ต่ำสุดในอาเซียน
“แม้เศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง แต่มรสุมครั้งนี้เรามี ‘ภูมิคุ้มกันที่ถูกทาง’ จากการปรับตัวล่วงหน้า ทั้งลดต้นทุน เสริมประสิทธิภาพ และขยายตลาดใหม่” นายธรรมศักดิ์กล่าว
🔹 4 กลยุทธ์ฝ่าพายุเศรษฐกิจ
1️⃣ วินัยทางการเงินเข้มข้น + AI Robotics ลดต้นทุนกว่า 20%
เอสซีจี เดคคอร์ และสมาร์ทลีฟวิง นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์–AI ควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ บริหารคลังสินค้า และใช้ระบบอัตโนมัติจัดการวัตถุดิบ ลดความสูญเปล่าและเวลาในการผลิต
2️⃣ รวมศูนย์การผลิต เพิ่มประสิทธิภาพทั่วอาเซียน
รวมสายการผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีตที่ลำพูน ลดต้นทุนปีละ 10 ล้านบาท และปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อความคล่องตัวสูงสุด
3️⃣ รุกตลาดเวียดนาม ฐานผลิตใหม่เพื่อส่งออกโลก
เวียดนามกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์หลัก GDP โต 7% เอื้อต่อธุรกิจอสังหาฯ และก่อสร้าง เอสซีจีจึงขยายกำลังการผลิต ปูนคาร์บอนต่ำ 8,000 ตัน/วัน และเพิ่มการส่งออกเซรามิกจากเวียดนามไปยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย
4️⃣ ขยายพอร์ต Smart Value – HVA – Green
ส่งสินค้าคุณภาพดีราคาคุ้มค่าเจาะตลาดกำลังซื้อชะลอ เช่น ปูน “ดูร่าวัน” กระเบื้องหลังคา “Celica SRA” และแพคเกจบริการ “SCG Saver Roof” พร้อมสินค้าเทคโนโลยีสีเขียวอย่าง ปูนคาร์บอนต่ำ Gen 3 ลด CO₂ ได้ 38%, สะพาน UHPC, 3D Printing Mortar, และ SCG Comfort Tile พื้นเย็นนวัตกรรม HeatSync ลดอุณหภูมิได้ 3–7°C
นอกจากนี้ เอสซีจียังมุ่งพัฒนาเม็ดพลาสติกรีไซเคิลมาตรฐาน ISCC PLUS และเม็ดพลาสติกเทคโนโลยี SMX ที่ใช้วัตถุดิบน้อยแต่แข็งแรงกว่าเดิม ตอบโจทย์ตลาดบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
🔹 ผลประกอบการ 9 เดือนปี 2568: กระแสเงินสดยังแรง
เอสซีจีมีกระแสเงินสด (EBITDA) รวม 44,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน
มีกำไร 17,767 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 159% แม้รายได้รวมลดลงเล็กน้อยเหลือ 370,870 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังลดหนี้สินสุทธิลงกว่า 32,000 ล้านบาท และถือเงินสดกว่า 50,000 ล้านบาท
“ปี 2569 ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งสงครามการค้าและเงินบาทแข็ง แต่เรามั่นใจว่าเส้นทางที่เลือกเดินมาถูกทางแล้ว เอสซีจีพร้อมยืนหยัดต่อสู้ทุกพายุเศรษฐกิจ ด้วยนวัตกรรม การบริหารที่มีวินัย และกลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืน”
– นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี
 













 
                                    

