กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2568 สร้างสถิติการเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ (Value of New Business: VONB) เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 1,476 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) พร้อมอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB Margin) อยู่ที่ 58.2% เพิ่มขึ้น 5.7 จุด จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน
นายหลี่ หยวน ซยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า ผลลัพธ์ดังกล่าวสะท้อนถึงกลยุทธ์การเติบโตเชิงรุกที่มุ่งเน้นการขยายช่องทางการขายทั้ง “พรีเมียร์ เอเจนซี่” และพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งช่วยผลักดันการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่แบบเลขสองหลักในกว่า 11 ประเทศทั่วเอเชีย
> “ไตรมาสนี้ เอไอเอประสบความสำเร็จอีกครั้งในการเพิ่มมูลค่าธุรกิจใหม่ขึ้น 25% และเรายังคงเดินหน้าลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีคุณภาพ เพื่อขยายพอร์ตและสร้างกระแสเงินสดอย่างมั่นคงในระยะยาว” นายหลี่กล่าว พร้อมย้ำถึงความมั่นใจต่อศักยภาพของภูมิภาคเอเชียในฐานะตลาดประกันชีวิตและสุขภาพที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก
ทั้งนี้ เอไอเอยังได้ต้อนรับ เซอร์ มาร์ค ทักเกอร์ กลับมาร่วมงานอีกครั้งในตำแหน่งประธานกรรมการอิสระตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ซึ่งจะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งเชิงกลยุทธ์และการกำกับดูแลกิจการในระดับภูมิภาค
💼 สรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568
มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) : เพิ่มขึ้น 25% เป็น 1,476 ล้านเหรียญสหรัฐ
อัตรากำไร VONB Margin : 58.2% (+5.7 จุด)
เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) : 2,550 ล้านเหรียญสหรัฐ (+14%)
เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) : 11,910 ล้านเหรียญสหรัฐ (+14%)
กำไรจากสัญญาบริการธุรกิจใหม่ (NB CSM) : เพิ่มขึ้นกว่า 25%
🌏 การเติบโตโดดเด่นในทุกตลาด
ฮ่องกง : มูลค่าธุรกิจใหม่พุ่ง 40% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากแรงหนุนลูกค้าทั้งในประเทศและนักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่
จีนแผ่นดินใหญ่ : โต 27% โดยเฉพาะโปรแกรม พรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่แข็งแกร่ง อัตรากำไรเกิน 60%
ไทย : ครองผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง มูลค่าธุรกิจใหม่โต 20% จากความต้องการผลิตภัณฑ์คุ้มครองและยูนิตลิงค์ที่สูง
สิงคโปร์ : โตต่อเนื่องจากช่องทางตัวแทนและพันธมิตร โดยมีการสรรหาบุคลากรเพิ่มขึ้น 9%
มาเลเซีย : กลับมาเติบโตในเชิงบวก โดยช่องทางพันธมิตรขยายตัวระดับสองหลัก
อาเซียนโดยรวม : โต 15% จากการเติบโตแข็งแกร่งของทุกช่องทาง
อินเดีย (Tata AIA Life) : ยังคงรักษาอันดับหนึ่งในตลาดประกันชีวิตคุ้มครองรายย่อย
💰 สถานะการลงทุนมั่นคง
เอไอเอยังคงมีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง โดย พอร์ตตราสารหนี้ส่วนใหญ่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A และมีการกระจายการลงทุนครอบคลุมผู้ออกตราสารกว่า 1,700 ราย ทั้งยังรักษาระดับความเสี่ยงด้านเครดิตให้อยู่ในเกณฑ์ต่ำสุด โดยตราสารหนี้ที่มีอันดับต่ำกว่าระดับลงทุนมีเพียง 2% ของพอร์ตทั้งหมด
🔍 มองไปข้างหน้า
เอไอเอยืนยันเป้าหมายการเติบโตของ กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) ต่อหุ้นในอัตราเฉลี่ย 9–11% ต่อปี ระหว่างปี 2566–2569 พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเชิงบวกของตลาดประกันชีวิตและสุขภาพในเอเชีย ที่ยังมีช่องว่างการเข้าถึงประกันจำนวนมาก
> “เอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่น่าลงทุนที่สุดสำหรับธุรกิจประกัน ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นและสวัสดิการสังคมที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง เอไอเอพร้อมใช้ความได้เปรียบด้านเครือข่ายและประสบการณ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน”
— นายหลี่ หยวน ซยอง
![]()














