กรุงเทพฯ – 19 ธันวาคม 2568
บราสเคม สยาม บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืนของไทย และบราสเคม ผู้นำด้านพลาสติกชีวภาพระดับโลกจากประเทศบราซิล เผยความคืบหน้าโครงการเอทิลีนชีวภาพ ล่าสุดได้รับคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้เป็นหนึ่งในโครงการนำร่องภายใต้มาตรการ Thailand FastPass กลไกใหม่ของภาครัฐที่ช่วยเร่งรัดและปลดล็อกอุปสรรคการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
โครงการดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2571 มีกำลังการผลิตเอทิลีนชีวภาพ 200,000 ตันต่อปี นับเป็นโรงงานเอทิลีนชีวภาพแห่งแรกในเอเชีย และแห่งแรกนอกประเทศบราซิล รองรับความต้องการพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในตลาดโลก พร้อมยกระดับประเทศไทยสู่ฐานการผลิตอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ยั่งยืน และเพิ่มมูลค่าการส่งออกในระยะยาว
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC และประธานกรรมการ บริษัท บราสเคม สยาม จำกัด กล่าวว่า โครงการเอทิลีนชีวภาพถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ไทย สอดรับความต้องการตลาดเอเชียและยุโรป ควบคู่กับการส่งเสริมอุตสาหกรรมเอทานอล และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทยอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ โครงการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ และการจัดตั้งโรงงานในเขตปลอดอากรประเภทอุตสาหกรรม (Industrial Free Zone) โดยการได้รับคัดเลือกเข้าสู่มาตรการ Thailand FastPass จะช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความคล่องตัวในทุกขั้นตอนของการพัฒนาโครงการ
สำหรับแผนงานในระยะต่อไป บราสเคม สยาม เตรียมสรุปรูปแบบการก่อสร้างโรงงาน (EPC) ภายในไตรมาส 1 ปี 2569 และคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในไตรมาส 2 ปีเดียวกัน หากเป็นไปตามแผน โรงงานจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2571 เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพภายใต้แบรนด์ “I’m green™”
เอทิลีนชีวภาพผลิตจากเอทานอลที่มาจากภาคเกษตรกรรม แทนการใช้วัตถุดิบจากฟอสซิล ถือเป็นโซลูชันที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นลบ (Negative Carbon Footprint) สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 1 ล้านตันต่อปี อีกทั้งยังสามารถรีไซเคิลได้เช่นเดียวกับพลาสติกทั่วไป ตอบโจทย์ผู้ผลิต เจ้าของแบรนด์ และผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน พร้อมสนับสนุนเป้าหมาย ESG ของ SCGC ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 700,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี 2573 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593
![]()













