SCB EIC คงประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิ จไทยปี 256 6 ไว้ที่ 3. 9% ตามการบริโภคภาคเอกชนและภาคท่ องเที่ยวรวมถึงภาคบริการที่ฟื้ นตัวดี แม้การส่งออกไม่สดใสนัก โดยการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ ยวต่างชาติยังคงอยู่ที่ 30 ล้านคน ขณะที่รายได้จากนักท่องเที่ยวต่ างชาติมีโอกาสแตะ 1.27 ล้านล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายนั กท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าใกล้ ค่าเฉลี่ยในปี 2562 มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุ นตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจ้างงานในภาคบริ การที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ ยว ด้านการส่งออกไทยในช่วงที่เหลื อของปีไม่สดใสนักและเป็นปัจจั ยเสี่ยงด้านต่ำที่สำคั ญของเศรษฐกิจ SCB EIC ปรับลดคาดการณ์มูลค่าส่งออกสิ นค้าไทยปีนี้เหลือ 0.5% (เดิม 1.2%) จากอุปสงค์โลกที่ยังอ่อนแอ แรงหนุนตลาดส่งออกจีนที่แผ่วกว่ าคาด และความเสี่ยงด้านต่ำของเศรษฐกิ จโลกที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในกรณีฐานเศรษฐกิจไทยมี โอกาสเผชิญกับเอลนีโญระดับอ่ อนถึงรุนแรงในช่วงครึ่งหลั งของปีนี้ คาดว่าจะสร้างความเสี ยหายในภาคเกษตรราว 40 ,000 ล้านบาทโดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นปี หน้า สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่ าจะขยายตัวชะลอลงมากอยู่ที่ 2.1% ตามราคาพลังงานในประเทศที่ปรั บลดลง แต่ยังมีความไม่แน่ นอนจากมาตรการอุดหนุนราคาพลั งงานภาครัฐ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะยั งอยู่ในระดับสูงเทียบจากอดีตอยู่ ที่ 1.7% สะท้อนการทยอยส่งผ่านต้นทุ นจากผู้ผลิตสู่ราคาผู้บริ โภคและแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุ ปสงค์ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยฟื้ นตัว
SCB EIC ปรับลดคาดการณ์การเติ บโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 อยู่ 2.1% (เดิม 2.3%) เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจต้ นไตรมาส 2 ออกมาแย่กว่าที่คาดไว้ การฟื้นตัวของภาคการผลิ ตและภาคบริการยังมีความแตกต่ างกันสูง อีกทั้งความเสี่ยงด้านต่ำ มี มากขึ้นอาจกดดันการฟื้นตั วของเศรษฐกิจโลกในช่วงที่เหลื อของปี เช่น มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อมี แนวโน้มเข้มงวดขึ้นต่อเนื่อง ความสามารถในการทำกำไรของภาคธุ รกิจมีแนวโน้มถูกกดดันทั้งจากอุ ปสงค์ที่ลดลง เงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูง และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ อยู่ในระดับต่ำลง รวมถึงปัญหาความตึงเครียดทางภู มิรัฐศาสตร์ที่มีโอกาสรุ นแรงมากขึ้น
ธนาคารกลางสำคัญมีแนวโน้มขึ้ นดอกเบี้ยต่ออีกไม่เกิน 1-2 ครั้งในปีนี้ จากเงินเฟ้อพื้นฐานที่มีแนวโน้ มปรับลดลงช้าตามภาวะตลาดแรงงานที่ ยังตึงตัว อย่างไรก็ดี แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไปที่ปรั บลดลงเร็วกว่าคาดและอัตราดอกเบี้ ยนโยบายที่แท้จริงทยอยกลับมา เป็ นบวก วงจรการขึ้นดอกเบี้ยทั่วโลกจึ งมีแนวโน้มใกล้สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี มาตรการ Quantitative tightening ของเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว (Advanced Economies) จะทำให้สภาพคล่องในระบบการเงิ นโลกปรับลดลงต่อเนื่อง และคาดว่าจะส่งผลต่อ ตลาดการเงิ นของเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Markets) ผ่านเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่ างประเทศและอัตราผลตอบแทนพันธบั ตร
เศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้ งจะยังมีความไม่แน่นอนสู งจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และนโยบายภาครัฐ SCB EIC มองในกรณีฐาน ไทยจะได้รัฐบาลใหม่ในช่วงเดื อนสิงหาคม คาดว่าจะส่งผลต่อการเบิกจ่ ายของรัฐบาลในปีงบประมาณนี้ไม่ มากนัก เนื่องจากรัฐบาลได้เร่งเบิกจ่ ายงบลงทุนและเร่งอนุมัติ โครงการลงทุนไว้ก่อนยุบสภา อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ที่การจัดตั้งรั ฐบาลใหม่อาจล่าช้าไปถึงปลายเดื อนตุลาคม ซึ่งจะกระทบการเบิกจ่ ายงบประมาณในปีงบประมาณ 2567 นอกจากนี้ นโยบายหาเสียงสำคัญที่จะผลักดั นต่อไปเป็นปัจจัยสำคัญกำหนดทิ ศทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ในกรณีฐาน SCB EIC คาดว่านโยบายหลักของแกนนำรั ฐบาลชุดใหม่จะส่งผลบวกต่อกลุ่ มธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับการบริ โภค รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อย ขณะที่บางธุรกิจอาจได้รั บผลลบจากนโยบายการปรับขึ้นค่ าแรงขั้นต่ำ รวมถึงบางกลุ่มธุรกิจที่มี ประเด็นผูกขาดทางการค้า ด้านหนี้สาธารณะมีแนวโน้มเพิ่ มขึ้นในทุกฉากทัศน์ของการจัดตั้ งรัฐบาลใหม่จากการดำเนิ นการตามรายจ่ายจากชุ ดนโยบายหาเสียง นอกเหนือจากแรงกดดันจากรายจ่ ายเข้าสู่สังคมสูงอายุที่มีอยู่ เดิม สะท้อนความจำเป็นต้องปฏิรู ปการคลังเพื่อสร้างความยั่งยื นทางการคลัง
SCB EIC คาดว่านโยบายการเงิ นไทยจะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยต่ อเนื่องสู่ Terminal rate ที่ 2.5% ในไตรมาส 3 ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ขยายตั วต่อเนื่อง และเงินเฟ้อแม้จะกลับมาอยู่ ในกรอบแล้ว แต่ยังมีความเสี่ยงด้านสู งจากการส่งผ่านต้นทุนและแรงกดดั นเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ ภาวะการเงินไทยจึงมีแนวโน้มตึ งตัวต่อเนื่อง ในระยะสั้นเงินบาทจะยังเผชิ ญแรงกดดันด้านอ่อนค่า เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐยังมี แนวโน้มแข็งค่าและเงินบาทได้รั บแรงกดดันเพิ่มเติมจากเงิ นหยวนอ่อนค่า อย่างไรก็ดี เงินบาทจะปรับแข็งค่าขึ้นไปอยู่ ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปีนี้ จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิ จไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ จะปรับดีขึ้นหลังความไม่แน่ นอนทางการเมืองลดลง และเงินดอลลาร์สหรัฐที่จะกลั บมาอ่อนค่าหลัง Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย