สันติ ลุนเผ่ หรือชื่อเดิม ไพศาล ลุนเผ่ เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2479 ในย่านวัดราชบพิธ กรุงเทพมหานคร เขาเติบโตมาในครอบครัวที่หลงใหลในดนตรี โดยบิดาเป็นนักร้องละครชาวพม่าที่อพยพมาอยู่ในประเทศไทย ความรักในเสียงดนตรีของสันติเริ่มต้นตั้งแต่อายุ 14 ปี เขาได้เรียนดนตรีกับครูเจริญ ฤทธิรักษ์ และศึกษาด้วยตนเองผ่านแผ่นเสียงของนักร้องโอเปร่าระดับโลก Enrico Caruso อีกทั้งยังเรียนรู้การเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น ไวโอลิน กีตาร์ และเปียโน
สันติเป็นนักศึกษาของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่เส้นทางชีวิตของเขากลับมุ่งเข้าสู่วงการดนตรีอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะการเป็นนักร้องเทเนอร์ที่มีเสียงทรงพลังและเป็นเอกลักษณ์ นอกจากจะเป็นนักร้อง เขายังเป็นข้าราชการทหารเรือ ซึ่งบทบาทในกองทัพมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อผลงานเพลงของเขา
สันติสร้างสรรค์บทเพลงที่สะท้อนความรักชาติและความเสียสละ เช่น ความฝันอันสูงสุด เพลงที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจของคนไทย รวมถึงเพลง ดุจบิดามารดร และ เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย ซึ่งสะท้อนถึงความภาคภูมิใจในชาติไทยอย่างลึกซึ้ง
นอกจากนี้ เขายังฝากผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ไทยไว้ เช่น เพลง “คมแสนคม” ประกอบภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันในปี พ.ศ. 2507 รวมถึงบทเพลงขับร้องและเพลงมาร์ชที่เป็นอมตะในแวดวงดุริยางค์ทหารเรือ
ในปี พ.ศ. 2558 สันติ ลุนเผ่ ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล-ขับร้อง) จากความสามารถที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและการอุทิศตนเพื่อวงการดนตรีไทย เขายังได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงหลายรายการ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จและความเคารพที่เขาได้รับในฐานะทั้งศิลปินและข้าราชการ
สันติ ลุนเผ่ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2567 สิริอายุ 88 ปี แม้เขาจะจากไป แต่ผลงานและจิตวิญญาณแห่งศิลปะของเขายังคงอยู่ในหัวใจของคนไทย สืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่มีวันจางหาย.