สายลมแห่งความไม่แน่นอนพัดกระหน่ำเศรษฐกิจโลกในปี 2568 นโยบาย “Trump 2.0” กลายเป็นเงาที่แผ่ขยายครอบคลุมทั่วทุกมุมโลก สร้างความปั่นป่วนให้กับการค้า การลงทุน และตลาดแรงงาน ส่งผลให้ SCB EIC ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกเหลือเพียง 2.5% ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ ความไม่แน่นอนนี้ไม่ได้เพียงแค่กระทบเศรษฐกิจโลกเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี
แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 จะมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่นั่นอาจเป็นเพียงความสงบก่อนพายุ ปี 2568 ไทยจะเผชิญกับแรงกดดันจากนโยบาย Trump 2.0 อย่างเต็มๆ การส่งออกที่เคยเป็นหัวหอกสำคัญของเศรษฐกิจไทย อาจถูกกระทบอย่างหนักจากการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา สินค้าส่งออกกว่า 70% ตกอยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่สหรัฐฯ ต้องการลดการขาดดุลการค้า และส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เครื่องจักร และคอมพิวเตอร์ ล้วนอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหา “China’s overcapacity” ยังกดดันความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยทั้งในและต่างประเทศ ซ้ำเติมภาคการผลิตที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
การลงทุนภาคเอกชนก็ดูจะไม่สดใส แม้จะมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ก็ไม่แข็งแรงนัก ความเปราะบางของภาคอุตสาหกรรม ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ และปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโต ผลสำรวจ SCB EIC Consumer survey 2024 ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคกว่า 60% มองว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะแย่ลง โดยเฉพาะกลุ่มคนรายได้น้อย ความไม่มั่นใจในอนาคต ส่งผลให้การใช้จ่ายลดลง ความต้องการซื้อบ้านและรถยนต์ก็ซบเซา การขอสินเชื่อที่เข้มงวด ราคาสินค้าที่สูงขึ้น และภาระหนี้สิน เป็นอุปสรรคสำคัญ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เพื่อบรรเทาภาระหนี้และกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนเงินบาท คาดว่าจะอ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่มีโอกาสแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ท่ามกลางความผันผวนของตลาดการเงินโลก
แต่ปัญหาของเศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่แค่ปัจจัยภายนอก ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่รุนแรง เป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญ SCB EIC เปรียบเศรษฐกิจไทยเป็น “โลกสองใบ” ใบแรกคือโลกของครัวเรือนฐานะการเงินอ่อนแอ ที่เปราะบางต่อการช็อกทางเศรษฐกิจ และฟื้นตัวช้า อีกใบคือโลกของครัวเรือนฐานะการเงินเข้มแข็ง ที่สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ดีกว่า นอกจากนี้ ยังมีโลกของภาคการผลิตแบบเก่า ที่ดิ้นรนปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ และโลกของธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มั่นคงกว่าธุรกิจขนาดเล็ก ความแตกต่างเหล่านี้ สะท้อนถึงความจำเป็นในการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ โดยการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนรายได้น้อย สนับสนุนการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และสร้างโอกาสให้ทุกคนสามารถเติบโตได้อย่างเท่าเทียม
ปี 2568 จึงเป็นปีที่ท้าทาย แต่ก็ยังเต็มไปด้วยโอกาส การเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยง และการปรับตัวอย่างชาญฉลาด จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาเศรษฐกิจไทยฝ่าฟันอุปสรรค และก้าวไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป