SCGC หรือ เอสซีจี เคมิคอลส์ เดินหน้าขยายศักยภาพโรงงาน LSP (Long Son Petrochemicals) ในเวียดนาม ล่าสุดลงนามสัญญาก่อสร้างถังเก็บก๊าซอีเทน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้กว่า 30% เมื่อเทียบกับการใช้แนฟทา คาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จภายในปี 2570 เพื่อรองรับการฟื้นตัวของตลาดปิโตรเคมีในภูมิภาค
โครงการ LSPE: ก้าวสำคัญของ SCGC ในเวียดนาม
โครงการ LSPE (Long Son Petrochemicals Ethane Project) เป็นส่วนหนึ่งของแผนเพิ่มความยืดหยุ่นด้านวัตถุดิบของ SCGC โดยใช้ก๊าซอีเทนจาก สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าการใช้แนฟทา การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนแต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
3 องค์ประกอบสำคัญของโครงการนี้ ได้แก่:
1. สัญญาซื้อขายก๊าซอีเทนและท่าเรือส่งออก – ลงนามสัญญาจัดหาก๊าซอีเทนจากสหรัฐฯ เป็นระยะเวลา 15 ปี
2. ระบบขนส่งทางเรือ (VLEC – Very Large Ethane Carrier) – เช่าเรือขนส่งขนาดใหญ่ 5 ลำ โดยสัญญา 3 ลำแรกลงนามแล้ว และอีก 2 ลำอยู่ระหว่างดำเนินการ
3. ถังเก็บก๊าซอีเทน – ออกแบบพิเศษเพื่อรองรับก๊าซอีเทน ซึ่งต้องเก็บที่อุณหภูมิ -90°C โดยมีโครงสร้างถัง 2 ชั้น ป้องกันการรั่วไหล
เร่งเดินหน้าโครงการตามแผน มั่นใจสร้างเสร็จปี 2570
SCGC ได้คัดเลือก China Tianchen Engineering Corporation และ PetroVietnam Technical Service Corporation เป็นผู้ก่อสร้างถังเก็บก๊าซอีเทน 2 ถัง แต่ละถังมีความจุ 55,000 ตัน รองรับปริมาณก๊าซอีเทนได้ถึง 1 ล้านตันต่อปี
การลงทุนครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 18,000 ล้านบาท) โดยใช้แหล่งเงินทุนภายใน SCG เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของโรงงาน LSP และรองรับความต้องการปิโตรเคมีในอนาคต
SCGC กับอนาคตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
โครงการ LSPE ถือเป็นก้าวสำคัญของ SCGC ในการขยายธุรกิจปิโตรเคมีในอาเซียน การใช้ก๊าซอีเทนเป็นวัตถุดิบไม่เพียงช่วยลดต้นทุน แต่ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สรุป:
SCGC ลงทุนสร้างถังเก็บก๊าซอีเทนในโรงงาน LSP เวียดนาม
ใช้วัตถุดิบก๊าซอีเทนจากสหรัฐฯ ลดต้นทุนลงกว่า 30%
วางแผนสร้างเสร็จในปี 2570 พร้อมรับการฟื้นตัวของตลาดปิโตรเคมี
เดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับภูมิภาค
นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ SCGC ในการปรับตัวและเพิ่มศักยภาพธุรกิจปิโตรเคมีให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดในอนาคต