กรุงเทพฯ 24 มิถุนายน 2568 – บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เผยกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจชะลอตัว ด้วยการเปิดโหมดบริหารต้นทุนอย่างเข้มข้น ควบคู่การปรับโครงสร้างการผลิตหลังการควบรวมโรงงานบุรีรัมย์-ยโสธร ช่วยลดค่าใช้จ่าย และดันอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ไตรมาส 1 ปี 2568 พุ่งแตะ 52.5% จาก 49.5% เมื่อปีก่อน พร้อมเร่งเดินเกมรักษามาร์จิน ผ่านการจัดสัดส่วนการผลิตภายในและการจ้างผลิตภายนอกอย่างมีประสิทธิภาพ
นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA ระบุว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างการผลิตทั้งในด้านต้นทุนและกำลังการผลิต โดยการควบรวมโรงงานช่วยลดต้นทุนอย่างเห็นผล ทั้งค่าเช่า การบริหารแรงงาน และค่าใช้จ่ายภายใน ขณะเดียวกันยังสามารถยกระดับประสิทธิภาพการผลิตสินค้ามาร์จินสูง โดยเฉพาะในกลุ่มไฮแฟชั่น และงาน OEM จากยุโรป-สหราชอาณาจักร ทำให้มาร์จินเพิ่มขึ้นเป็น 51.5% ในไตรมาสแรกปีนี้
SABINA ยังเตรียมเดินหน้า ขยายช่องทางจำหน่าย ในครึ่งหลังของปี ด้วยการเปิดร้านแบบ Stand Alone เพิ่มอีก 10–15 จุดขาย ตั้งเป้าสิ้นปีมี 520–525 สาขาทั่วประเทศ พร้อมชูข้อได้เปรียบจากเศรษฐกิจซบทำให้เลือกทำเลดีและต่อรองค่าเช่าได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังเน้นรักษาตำแหน่งผู้นำในช่องทาง NSR (Non-Store Retailing) โดยสินค้า SABINA ครองยอดขายสูงสุดในมาร์เก็ตเพลสและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ส่วนช่องทาง OEM เริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด และได้รับคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน แผนรุกตลาดฟิลิปปินส์ ผ่าน “โมดา” (MODA) ยังคงเดินหน้าตามเป้า โดย SABINA ถือหุ้น 77.3% และตั้งเป้าขยายสโตร์จาก 52 แห่งเป็น 70 แห่งในปีนี้ มั่นใจเป็นช่วงต่อยอดการสร้างการรับรู้แบรนด์ในตลาดอาเซียน
กลยุทธ์ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และขยายตลาดแบบรุกในครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของ SABINA ในการรักษาความสามารถทำกำไรให้มั่นคง พร้อมเตรียมพร้อมรับดีมานด์ที่ฟื้นตัวในระยะถัดไป