กรุงเทพฯ — ดร.นันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (สสปท.) เปิดเผยว่า ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ปี 2567 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุคิดเป็น 20.70% ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 14.16 ล้านคน ซึ่งสะท้อนว่าไทยได้ก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ (Aged Society)” แล้วอย่างเต็มตัว
ในจำนวนนี้ มีผู้สูงอายุที่ยังทำงานอยู่ถึง 5.26 ล้านคน หรือประมาณ 37.2% โดยกว่า 51.5% ระบุว่ายังทำงานเพราะรู้สึกว่ายังแข็งแรงและอยากทำงานต่อ ขณะที่ 43.5% ต้องทำงานเพื่อหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว
ดร.นันทชัย กล่าวว่า แรงงานสูงอายุถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการทำงาน เนื่องจากร่างกายและสุขภาพมีการเปลี่ยนแปลงตามวัย ความสามารถทางกายภาพลดลง รวมถึงอาจมีโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในการทำงาน จึงจำเป็นต้องตระหนักถึง “6 ปัจจัยคุกคามหลัก” ที่อาจเกิดขึ้นในสถานที่ทำงาน ได้แก่
1️⃣ ปัจจัยคุกคามทางกายภาพ (Physical Hazard) เช่น ความร้อน ความเย็น เสียงดัง แสงสว่างไม่เหมาะสม เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ที่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ เช่น เสียงดังทำให้หูตึง หรืออุณหภูมิร้อนจัดจนเป็นลมได้
2️⃣ ปัจจัยคุกคามทางเคมี (Chemical Hazard) จากการสัมผัสสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง แก๊ส หรือสารอินทรีย์ ที่อาจก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะหรือป่วยเรื้อรัง
3️⃣ ปัจจัยคุกคามทางชีวภาพ (Biological Hazard) จากเชื้อโรค แมลง หรือสัตว์ก่อโรค เช่น วัณโรค มาลาเรีย หรืออหิวาตกโรค
4️⃣ ปัจจัยคุกคามทางการยศาสตร์ (Ergonomics Hazard) จากสภาพการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น การยกของหนัก การก้มเงยบ่อย หรือท่าทางทำงานที่ผิด ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยและลดประสิทธิภาพในการทำงาน
5️⃣ ปัจจัยคุกคามทางจิตใจ (Psychosocial Hazard) เช่น งานที่มีความกดดันสูง ต้องทำงานไม่เป็นเวลา หรือมีปัญหาความสัมพันธ์ในที่ทำงาน
6️⃣ ปัจจัยคุกคามทางสภาพแวดล้อมและความปลอดภัย (Safety Hazard) เช่น การทำงานกับของแหลมคม ที่สูง หรือไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้
ดร.นันทชัย เน้นว่า ผู้สูงอายุควรเรียนรู้และประเมินสภาวการณ์การทำงานของตนเองอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทั้ง 6 ประเภท ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย และส่งเสริมคุณภาพชีวิตในการทำงานให้ดีขึ้น