ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ กรุงศรี และบริษัทในเครือ เผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิรวม 24,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยสำคัญมาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (TIDLOR) ขณะเดียวกัน รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงสอดคล้องกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการชะลอตัวของความต้องการเงินให้สินเชื่อ
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรุงศรี กล่าวว่า “ธนาคารยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การเติบโตอย่างมีคุณภาพ ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินอย่างรัดกุม เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง พร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงินแก่ลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน TIDLOR ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธนาคารในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่”
จากข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 สินเชื่อรวมของกรุงศรีอยู่ที่ 1.95 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% จากสิ้นปี 2567 โดยส่วนหนึ่งมาจากการรวมงบการเงินของ TIDLOR ขณะที่เงินรับฝากอยู่ที่ 1.72 ล้านล้านบาท ลดลง 5.7% สะท้อนถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินเชิงรุก ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 4.28% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 15.8% ซึ่งได้รับแรงหนุนจากกำไรพิเศษจากธุรกรรมการรวมงบการเงินของ TIDLOR และการคืนหนี้สูญ
นอกจากนี้ อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ 3.49% สะท้อนการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 20.23% เพิ่มขึ้นจาก 19.38% ณ สิ้นปี 2567 แสดงถึงความมั่นคงทางการเงินของธนาคาร
นายเคนอิจิ ยังให้มุมมองต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ว่า เศรษฐกิจยังเผชิญแรงกดดันจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่เปราะบาง แต่การฟื้นตัวของเสถียรภาพทางการเมืองและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศจะช่วยประคองการขยายตัว โดยธนาคารคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปี 2568 ที่ 2.1%
กรุงศรีเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทย และเป็นหนึ่งในหกสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) ให้บริการทางการเงินครบวงจรแก่ลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาและช่องทางขายกว่า 33,000 แห่ง พร้อมเป็นผู้นำด้านบัตรเครดิต สินเชื่อรถยนต์ และการบริหารกองทุน อีกทั้งยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และเป็นมิตรต่อสังคม