ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ภายใต้วงเงินไม่เกิน 8,800 ล้านบาท และจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน ไม่เกิน 47.39 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 2% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมดของธนาคาร โดยจะซื้อผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ถึง 13 พฤษภาคม 2569 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินกองทุน และสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมแก่ผู้ถือหุ้น
นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การซื้อหุ้นคืนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารทางการเงินเชิงรุก โดยธนาคารมีสภาพคล่องและเงินกองทุนในระดับแข็งแกร่งเพียงพอรองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต ทั้งในภาวะปกติและช่วงวิกฤต โดย อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินกสิกรไทย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 21.60% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงกว่าข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย
“ธนาคารได้พิจารณาทางเลือกในการบริหารเงินกองทุนอย่างรอบคอบ ทั้งภาวะตลาด ผลการดำเนินงาน และระดับเงินกองทุนในปัจจุบัน เห็นว่าการซื้อหุ้นคืนเป็นแนวทางที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้การบริหารทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลเชิงบวกต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว ทั้งในด้าน อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) และ กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น” นายจงรักกล่าว
ทั้งนี้ เงินที่ใช้ในการซื้อหุ้นคืนจะมาจากสภาพคล่องภายในของธนาคาร โดยราคาเสนอซื้อจะไม่เกินราคาปิดเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนวันซื้อหุ้นคืน บวกด้วย 15% เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายจงรักกล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบตามยุทธศาสตร์ “3+1” ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Productivity) เพื่อเสริมสร้างฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นธนาคารที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
 













 
                                    

