Saturday, November 15, 2025
3-TOA
previous arrow
next arrow
HomeThailand & World Todayยุทธการ "อรัญ 68" ตัดสัญญาณแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งกัมพูชา: ปฏิบัติการที่ไม่เพียงแค่ตัดเส้นเลือดใหญ่ แต่ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการป้องกันอาชญากรรม

ยุทธการ “อรัญ 68” ตัดสัญญาณแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งกัมพูชา: ปฏิบัติการที่ไม่เพียงแค่ตัดเส้นเลือดใหญ่ แต่ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการป้องกันอาชญากรรม

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) เปิดปฏิบัติการใหญ่ภายใต้ชื่อ “ยุทธการ อรัญ 68 Seal Border ระเบิดสะพานโจร” ซึ่งเป็นการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ที่ถูกนำมาใช้ในกิจกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา จุดมุ่งหมายหลักของปฏิบัติการนี้คือการตัดการเชื่อมต่อสำคัญที่ช่วยให้กลุ่มอาชญากรเหล่านี้สามารถหลอกลวงประชาชนในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ซิมบ็อกซ์” ตัวช่วยของมิจฉาชีพ

การปราบปรามในครั้งนี้เน้นที่การทำลายระบบที่สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะ ซิมบ็อกซ์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อและหลอกลวงเหยื่อผ่านการโทรศัพท์จากหมายเลขในประเทศไทย แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในกัมพูชา จุดสำคัญของการปฏิบัติการนี้คือการตัดสัญญาณจาก เสาสัญญาณ ที่มีการใช้ในการหลอกลวง ในสามจุดสำคัญบริเวณชายแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต ซึ่งเป็นเส้นทางที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการดำเนินการ

ความร่วมมือระหว่างตำรวจและ กสทช.

การปฏิบัติการครั้งนี้ไม่สามารถสำเร็จได้หากไม่มีความร่วมมือระหว่าง ตำรวจภูธรภาค 2 และ กสทช. การที่ข้อมูลจากการสืบสวนสามารถระบุจุดตั้งของสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตที่ถูกใช้โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น เป็นก้าวสำคัญในการยับยั้งอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน การตัดสัญญาณจากเสาสัญญาณที่เชื่อมโยงไปยังฐานที่ตั้งของกลุ่มมิจฉาชีพ เป็นการตัดเส้นเลือดใหญ่ที่ทำให้การดำเนินงานของแก๊งนี้ล่มสลายลงได้ในที่สุด

แนวทางการปราบปรามที่มีประสิทธิภาพ

ยุทธการ “อรัญ 68” ไม่เพียงแค่ตัดสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงแนวทางการปราบปรามอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพและมีการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวด การประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้สามารถสกัดกั้นการกระทำผิดได้ทันท่วงที และยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนาเครื่องมือในการ คัดกรองเหยื่อ ช่วยในการแยกแยะระหว่างผู้ที่ถูกหลอกลวงและผู้ที่มีส่วนร่วมในการกระทำผิดอย่างมีเจตนา

การตรวจสอบและการลงโทษอย่างจริงจัง

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 กล่าวถึงการดำเนินงานในครั้งนี้ว่า “หากพบว่าใครมีส่วนร่วมในการกระทำผิด ไม่ว่าจะเป็นการตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์ การใช้บัญชีม้า หรือการกระทำผิดในลักษณะอื่น ๆ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” การให้ความสำคัญกับการลงโทษอย่างจริงจังนี้ เป็นการสร้างมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขจัดอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน

ปฏิบัติการที่มีผลลัพธ์ในระยะยาว

แม้ว่าการดำเนินงานในครั้งนี้จะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของความพยายามในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ก็ถือเป็นการแสดงออกถึงการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ และการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจสอบ การตัดสัญญาณซิมบ็อกซ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เพียงแค่ลดปริมาณคดีในปัจจุบัน แต่ยังส่งผลต่อการลดพฤติกรรมอาชญากรรมในระยะยาว โดยเฉพาะการทำลายโครงสร้างสำคัญของแก๊งมิจฉาชีพที่พึ่งพาการติดต่อผ่านเทคโนโลยีต่าง ๆ

การปราบปรามอาชญากรรมในครั้งนี้จึงไม่เพียงแค่เป็นการปิดช่องโหว่ทางเทคนิค แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในกระบวนการยุติธรรมและการรักษาความปลอดภัยในโลกยุคดิจิทัล.

Loading

RELATED ARTICLES
BAM
previous arrow
next arrow

Most Popular

PDPA Icon

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ เราใช้คุกกี้ คุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าคุกกี้ของคุณได้ที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

บันทึกการตั้งค่า