Friday, March 28, 2025
ads-AIA
2-GSB
3-TOA
4-NHA
previous arrow
next arrow
HomeSCOOP & ARTICLE สกู๊ฟ-บทความกลยุทธ์การลงทุน 2025: รับมือเศรษฐกิจโลกยุคทรัมป์และโอกาสสำหรับนักลงทุนไทย

กลยุทธ์การลงทุน 2025: รับมือเศรษฐกิจโลกยุคทรัมป์และโอกาสสำหรับนักลงทุนไทย

ในปี 2025 เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากการกลับมาอำนาจของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมาพร้อมกับการนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจที่เข้มงวดและมุ่งเน้นการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ผ่านแนวทาง “America First” ความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกทั้งในแง่ของการค้า พลังงาน และแรงงาน โดยเฉพาะในประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯ และจีน เช่น ไทยที่เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจระดับโลก

ทรัมป์กลับมาเน้นนโยบายการค้าที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อสหรัฐฯ ผ่านการกีดกันการค้า โดยเริ่มต้นด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรต่อสินค้าจากประเทศคู่ค้า เช่น จีน เม็กซิโก และแคนาดา ซึ่งทำให้มีความกังวลว่าอาจนำไปสู่สงครามการค้าระลอกใหม่ ความผันผวนเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในหลายประเทศ รวมถึงการปรับตัวของตลาดการเงินที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมุ่งผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานในประเทศ โดยการลดข้อจำกัดด้านกฎระเบียบเพื่อสนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันและเพิ่มการผลิตพลังงานจากแหล่งธรรมชาติในสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อราคาพลังงานในตลาดโลก แต่ความมุ่งมั่นในการผลักดันภาคพลังงานนี้อาจทำให้เกิดความขัดแย้งทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการลงทุนในระยะยาว

ในขณะเดียวกัน จีนกำลังเผชิญกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงเผชิญกับวิกฤติและความไม่มั่นคง จีนกำลังพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การเพิ่มการบริโภคภายในประเทศและการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโต แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงชะลอตัวและได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจจะส่งผลต่อการส่งออกและภาคการผลิตของจีน

สำหรับประเทศไทย ที่พึ่งพาการค้ากับสหรัฐฯ และจีน การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งสองประเทศมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในภาคการส่งออกที่ได้รับแรงกดดันจากการกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และการลดลงของการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2025 จึงคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำที่ประมาณ 2.4% ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงจากการลดลงของการใช้จ่ายภาครัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากต่างประเทศ

ในช่วงเวลาที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจนี้ นักลงทุนจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยการสร้างพอร์ตการลงทุนที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง

K WEALTH ซึ่งเป็นศูนย์รวมความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการเงินจากธนาคารกสิกรไทย ได้แนะนำการใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Core-Satellite Strategy ซึ่งเป็นการแบ่งสัดส่วนการลงทุนระหว่างสินทรัพย์ที่มั่นคงและสินทรัพย์ที่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูง โดย Core Portfolio เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ที่ลงทุนในหุ้นกู้จากบริษัทเอกชนที่มีเครดิตดี รวมถึงกองทุน Global Balanced Fund ที่มีการกระจายการลงทุนทั่วโลก เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในแต่ละประเทศ

ในขณะเดียวกัน Satellite Portfolio เน้นการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนผ่านการลงทุนในกองทุนหุ้นสหรัฐฯ หรือกองทุนตราสารหนี้เอกชนที่มีผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นของสหรัฐฯ ซึ่งได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบาย “America First” ของทรัมป์ที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตในภาคการเงินและการบริโภค

การเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่รับได้จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว นักลงทุนนอกจากต้องมองหาผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อสินทรัพย์ของตนในอนาคต เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมืองและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจสร้างความผันผวนในตลาดการเงิน

ในขณะที่ปี 2025 เป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย การปรับตัวและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเติบโตในเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะในช่วงที่มีนโยบายที่มีผลกระทบต่อตลาดการเงินทั่วโลก การเลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์และความเสี่ยงที่รับได้จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ หากนักลงทุนมีการวางแผนที่ดีและมีความยืดหยุ่นในกลยุทธ์การลงทุน ก็จะสามารถสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนและได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

Loading

RELATED ARTICLES
BAM
BAM
previous arrow
next arrow

Most Popular