ศูนย์วิจัยกสิกรไทยส่องฐานข้อมูลเครดิตบูโร พบว่าในไตรมาส 1/2568 ลูกค้าธุรกิจยิ่งมีขนาดเล็ก ยิ่งมีปัญหาหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยกลุ่ม Super Micro มีสัดส่วนหนี้เสียสูงถึง 14.81% ของสินเชื่อรวม ตามด้วยกลุ่ม Micro 12.11% และธุรกิจขนาดเล็ก 9.75% ขณะที่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ อยู่ที่ 6.51% และ 1.37% ตามลำดับ
ทั้งนี้ มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ตามเกณฑ์ Responsible Lending (RL) และแนวทางดูแลคุณภาพหนี้เชิงรุกช่วยชะลอปัญหาหนี้เสีย โดยสัดส่วนหนี้ค้างชำระ 1–30 วันมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่กลางปี 2567 เป็นต้นมา แต่ผลการวิเคราะห์เชิงลึกชี้ว่า การแก้ไขหนี้ด้อยคุณภาพอย่างยั่งยืน ต้องอาศัยสภาพเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวย และการเข้าไปดูแลตั้งแต่ธุรกิจเริ่มมีสัญญาณค้างชำระ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเสนอให้ทางการไทยจัดมาตรการดูแลหนี้ให้เหมาะสมตามลักษณะลูกหนี้ เช่น สนับสนุนการปรับเงื่อนไขชำระหนี้ชั่วคราว ทำโครงการ Asset Warehousing เชิงรุก และส่งเสริมกระบวนการนอกศาล (Out-of-Court Workouts) เพื่อให้ลูกหนี้ฟื้นตัวเร็วขึ้น พร้อมเพิ่มทางเลือกให้ผ่อนชำระสินทรัพย์รอการขาย
ดร.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัยระบุว่า การฟื้นฟูหนี้แบบเฉพาะหน้าอาจช่วยได้ในระยะสั้น แต่การแก้ปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพของธุรกิจอย่างยั่งยืน ต้องมีสภาพเศรษฐกิจเอื้ออำนวย ช่วยให้ธุรกิจไทยแข่งขันได้และทำกำไรระยะยาว