จ๊อบไทย (JobThai) แพลตฟอร์มหางานออนไลน์อันดับ 1 ของประเทศไทย เผยภาพรวมตลาดแรงงานไทยช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–กันยายน) ว่ายังคงขยายตัวต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว โดยมีการเปิดรับสมัครงานรวมกว่า 1.75 ล้านอัตรา เพิ่มขึ้น 2.18% จากปีก่อน สะท้อนว่าธุรกิจหลักยังคงต้องการแรงงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อาหาร–ค้าปลีก–ยานยนต์–บริการ–ก่อสร้าง ซึ่งยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่จ้างงานสูงสุด
นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท จ๊อบไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากฐานข้อมูลการเปิดรับสมัครงานและพฤติกรรมผู้สมัครทั่วประเทศ พบว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจจะผันผวน แต่ตลาดแรงงานไทยยังมีความต้องการบุคลากรสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมีตำแหน่งเปิดรับกว่า 168,000 อัตรา สะท้อนถึงกำลังซื้อและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังนิยมรับประทานอาหารนอกบ้าน รวมถึงบริการเดลิเวอรี ขณะที่ธุรกิจค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาร์เก็ต ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง เช่นเดียวกับธุรกิจยานยนต์ที่ได้รับแรงหนุนจากการลงทุนด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของภาครัฐ ส่วนภาคบริการและก่อสร้างยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการจ้างงานในประเทศ
นอกจาก 5 กลุ่มธุรกิจหลักแล้ว “อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์” ยังกลายเป็นดาวรุ่งมาแรง โดยมีตำแหน่งงานเปิดรับกว่า 92,000 อัตรา เพิ่มขึ้นถึง 30% จากปีก่อน สะท้อนบทบาทของไทยในฐานะฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำคัญของโลก
ขณะเดียวกัน JobThai ยังพบว่า “AI” และ “ไลฟ์สด” กลายเป็นสองทักษะมาแรงที่สุดในปี 2568 โดยองค์กรจำนวนมากเร่งหาคนทำงานที่มีความสามารถในการใช้เครื่องมือ AI เช่น ChatGPT, Gemini, TensorFlow, Midjourney รวมถึงทักษะด้าน Live Commerce และ TikTok Live ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในตลาดอย่างสูง ทั้งในสายงานการตลาด คอนเทนต์ และการขายออนไลน์
จากการสำรวจความคิดเห็นของคนทำงานกว่า 2,600 คน และองค์กรกว่า 600 แห่งทั่วประเทศ พบว่า 49.42% ขององค์กรไทย ได้นำ AI เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานแล้ว และ 63.93% ของคนทำงาน ใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในงานค้นคว้า เขียนสรุปเนื้อหา และสร้างคอนเทนต์ โดยกลุ่ม Gen Z เป็นกลุ่มที่ใช้ AI มากที่สุดถึง 67.5% รองลงมาคือ Gen Y และ Gen X
น่าสนใจว่า 64.89% ขององค์กร มองว่า AI เป็น “ผู้ช่วยเสริมประสิทธิภาพ” มากกว่าที่จะมา “แทนคนทำงาน” และ 74.29% ของคนทำงาน มีทัศนคติเชิงบวกต่อการใช้ AI โดยมองว่าเทคโนโลยีช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น เร็วขึ้น และเปิดโอกาสให้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ขณะเดียวกันแม้ 69.71% จะยอมรับว่า AI ทำให้บางสายงานมีความเสี่ยงตกงาน แต่ส่วนใหญ่กลับมองว่าเป็นแรงผลักให้พัฒนาทักษะใหม่เพื่อความอยู่รอดในอนาคต
นางสาวแสงเดือน กล่าวสรุปว่า โลกของการทำงานกำลังเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วจากแรงผลักของเทคโนโลยี การอยู่รอดของแรงงานยุคใหม่จึงขึ้นอยู่กับ “Reskill และ Upskill” โดยเฉพาะการผสมผสานระหว่าง Soft Skills เช่น การสื่อสาร การคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ และ ทักษะดิจิทัล ที่เกี่ยวข้องกับ AI พร้อมแนะนำให้ภาคธุรกิจปรับวัฒนธรรมองค์กรให้ตอบโจทย์พนักงานรุ่นใหม่มากขึ้น ทั้งการทำงานแบบ Hybrid Work, การสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน
“AI ไม่ได้มาแทนที่คน แต่จะช่วยผลักให้คนทำงานฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และสร้างคุณค่าใหม่ให้กับองค์กร” เธอกล่าวทิ้งท้าย
![]()














