นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดเผยในการประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 9/2568 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งกระทบความมั่นคงของประเทศ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ปัจจุบันได้มีการลงนาม MOU ระหว่าง 16 หน่วยงาน เพื่อทำงานร่วมกันด้านป้องกัน บำบัดรักษา ฟื้นฟู และติดตามช่วยเหลือผู้ใช้และผู้ป่วยยาเสพติด ภายในระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม
รองนายกฯ โสภณ ระบุว่า สสส. ทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะการขับเคลื่อน “ชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx)” ในระดับพื้นที่ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างใกล้ชิดกับประชาชน พร้อมผลักดันให้ขยายผลไปสู่พื้นที่ต่างๆ มากขึ้น และเตรียมตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมดให้ทันต่อสถานการณ์
สำหรับประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังระบาดหนักในกลุ่มเด็กและเยาวชน นายโสภณชี้ว่า การบังคับใช้กฎหมายยังมีข้อจำกัด เพราะเกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ทำให้เกิดช่องว่างในการดำเนินคดี ดังนั้น รัฐบาลเห็นชอบให้จัดตั้ง “คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการควบคุมและบังคับใช้กฎหมายบุหรี่ไฟฟ้า” โดยมีผู้แทนหน่วยงานสำคัญ เช่น กระทรวงยุติธรรม สาธารณสุข พาณิชย์ และศึกษาธิการ เพื่อร่วมกำหนดมาตรการ ป้องกัน–ปราบปราม และรายงานตรงต่อคณะรัฐมนตรี พร้อมเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาในลำดับต่อไป หากพบว่ากฎหมายปัจจุบันไม่ครอบคลุมผู้ผลิต ลักลอบนำเข้า หรือจำหน่าย จะผลักดันการปรับปรุงกฎหมายทันที
ด้าน นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. เปิดเผยว่า ข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขปี 2567 ระบุว่ามีผู้ใช้และเสพยาเสพติดในประเทศไทยราว 1.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1.4 ล้านคนเป็นผู้ใช้ยาที่ไม่มีอาการ สสส. จึงให้ความสำคัญกับการเสริมพลังชุมชน การพัฒนาพื้นที่ต้นแบบปลอดปัจจัยเสี่ยง การสร้างเครือข่ายป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดใน 5 ภูมิภาค และการขยายผล “ชุมชนล้อมรักษ์” เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการบำบัด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูง ผ่านกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.)
นพ.พงศ์เทพย้ำว่า สสส. พร้อมสนับสนุนรัฐบาลทั้งในมิติชุมชน ระบบข้อมูล นวัตกรรม และการสื่อสาร เพื่อร่วมผลักดันให้ปัญหายาเสพติดลดลงอย่างยั่งยืน
![]()















