สมาคมประกันวินาศภัยไทยเดินหน้าปราบปรามขบวนการฉ้อฉลประกันภัย มูลค่ากว่า 14 ล้านบาท
เปิดโปงขบวนการฉ้อฉลประกันภัย – จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินชดเชย
สมาคมประกันวินาศภัยไทยออกโรงยับยั้งแผนฉ้อฉลประกันภัยมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท หลังพบพฤติกรรมต้องสงสัยในเหตุอุบัติเหตุรถชนคนเสียชีวิตที่จังหวัดสกลนคร โดยตรวจสอบพบว่ามีการทำประกันภัยซ้ำซ้อนถึง 28 กรมธรรม์จาก 15 บริษัท ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนของการทุจริตในระบบประกันภัย
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงอุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นการจัดฉากขึ้นเพื่อเรียกร้องค่าสินไหม โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้วางแผนฆาตกรรมอำพรางให้ดูเหมือนอุบัติเหตุทางถนน โดยใช้รถยนต์ 3 คัน และยื่นเคลมเงินประกันจากหลายบริษัท
พิรุธจากการทำประกันซ้ำซ้อน นำไปสู่การสอบสวน
เหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยเมื่อบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากทายาทผู้เสียชีวิตได้ยื่นเอกสารเรียกร้องค่าสินไหมกับบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ สาขามุกดาหาร แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลรถที่เกิดเหตุพบว่ามีการทำประกันภัยหลายฉบับในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันและก่อนเกิดเหตุเพียงไม่กี่วัน
จากนั้น บริษัทประกันภัยต่าง ๆ ได้ร่วมมือกันตรวจสอบข้อมูล และพบข้อพิรุธหลายประการ เช่น การมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน และการยื่นเคลมหลายพื้นที่ จึงได้ประสานงานกับสำนักงาน คปภ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาหลายรายในข้อหาร่วมกันฆาตกรรมและฉ้อฉลประกันภัย
ธุรกิจประกันภัยรอดจ่าย 14 ล้านบาท หลังพบความผิดปกติ
หากไม่มีการตรวจสอบ บริษัทประกันภัยทั้ง 15 แห่งที่รับทำประกันภัยในกรณีนี้จะต้องจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนรวม 14,100,000 บาท โดยแบ่งเป็น
ประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 22 ฉบับ รวมมูลค่า 11,000,000 บาท
ประกันภัยภาคสมัครใจ 6 ฉบับ รวมมูลค่า 3,000,000 บาท
ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 1 ฉบับ มูลค่า 100,000 บาท
ตามกฎหมาย บริษัทประกันภัยจะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 7-15 วันหลังจากได้รับเอกสารครบถ้วน แต่เนื่องจากเหตุการณ์นี้เข้าข่ายการฉ้อฉล สำนักงาน คปภ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสั่งชะลอการจ่ายเงินจนกว่าจะมีผลสรุปของการสอบสวน
บทลงโทษการฉ้อฉลประกันภัย – จำคุกสูงสุด 3 ปี
ตาม พระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 มาตรา 108/4 ระบุว่า การแสดงหลักฐานเท็จเพื่อเรียกร้องค่าสินไหมถือเป็นความผิดอาญา มีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และบริษัทประกันภัยสามารถใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์โดยไม่คืนเบี้ยประกัน
นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทยเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีฉ้อฉลประกันภัยเกิดขึ้น เช่น กรณีเสี่ยตัดนิ้วเพื่อเคลมประกัน การจัดฉากรถชนกัน และการใช้น้ำร้อนลวกตัวเองเพื่อให้ดูเหมือนเกิดอุบัติเหตุ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวอย่างของการใช้ประกันภัยในทางที่ผิด
ประกันภัยเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ไม่ใช่ช่องทางหาผลประโยชน์
สมาคมประกันวินาศภัยไทยขอเตือนประชาชนให้ตระหนักว่า “ประกันภัยเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ไม่ใช่ช่องทางหาผลประโยชน์” หากพบเห็นพฤติกรรมฉ้อฉลสามารถแจ้งเบาะแสไปยังสมาคมฯ หรือบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้อง
อุตสาหกรรมประกันภัยของไทยต้องการความโปร่งใสเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ผู้ที่ใช้ประกันภัยอย่างสุจริตจะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขที่กำหนด แต่ผู้ที่จงใจฉ้อฉลจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด