กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) ประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2568 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยชี้ให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งมูลค่าธุรกิจใหม่ กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน และเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น สะท้อนศักยภาพของบริษัทในการสร้างคุณค่าให้ผู้ถือหุ้นในระยะยาว ท่ามกลางโอกาสในตลาดประกันชีวิตและสุขภาพของเอเชียที่ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวสูง
ผลประกอบการธุรกิจใหม่แข็งแกร่ง
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าธุรกิจใหม่ (Value of New Business – VONB) ของกลุ่มบริษัทเอไอเอเติบโต 14% อยู่ที่ 2,838 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่กำไรของธุรกิจใหม่ปรับตัวขึ้น 3.4 จุด มาอยู่ที่ 57.7% สะท้อนความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (Operating ROEV) แบบรายปี อยู่ที่ 17.8% เพิ่มขึ้น 290 จุดจากปีก่อนหน้า ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 73.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อหุ้นในครึ่งปีแรก
ผลประกอบการทางการเงินและเงินกองทุน
กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 3,609 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% ต่อหุ้น ซึ่งเป็นการเติบโตที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการผลักดันอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของ OPAT per share ให้อยู่ระหว่าง 9–11% ในช่วงปี 2566–2569
นอกจากนี้ มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 3,569 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10% ต่อหุ้น แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของโครงสร้างเงินทุน และความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดเพื่อรองรับการจ่ายเงินปันผล
ในด้านการคืนผลประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้น เอไอเอได้ส่งมอบผลตอบแทนรวม 3,710 ล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน โดยคณะกรรมการมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้น 10% เป็น 49 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น อัตราส่วนเงินทุนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 219% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568
กลยุทธ์การเติบโต: Premier Agency และพันธมิตรธุรกิจ
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมในครึ่งปีแรก สะท้อนถึงความถูกต้องของกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจ โดย Premier Agency ถือเป็นเสาหลักสำคัญที่ช่วยสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่สูงถึง 17%
ขนาดและคุณภาพของเครือข่ายตัวแทนยังคงเป็นจุดแข็งที่แตกต่างของเอไอเอ ตัวแทนได้รับการเสริมศักยภาพจากการนำเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยสนับสนุนการทำงาน ทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ เอไอเอยังเป็นบริษัทข้ามชาติที่มีจำนวนสมาชิก Million Dollar Round Table (MDRT) มากที่สุดในโลกต่อเนื่อง 11 ปี และมีจำนวนสมาชิกมากกว่าคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดถึงสองเท่า
สำหรับช่องทางพันธมิตรธุรกิจ เอไอเอยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยร่วมมือกับธนาคารและตัวกลางทางการเงินชั้นนำ ทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่ในช่องทางนี้เพิ่มขึ้น 8% ในช่วงครึ่งปีแรก
โอกาสระยะยาวในเอเชีย
เอไอเอย้ำว่าภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสุดสำหรับธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ปัจจัยหนุน ได้แก่ ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น การถือครองประกันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และความต้องการด้านสวัสดิการสังคมที่ยังขาดแคลน ซึ่งทั้งหมดเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในอนาคต
นายหลี่ หยวน ชยอง ย้ำว่า “เอไอเอจะเดินหน้าสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้นทุกคน ผ่านกลยุทธ์ที่มีวินัยและการลงทุนอย่างรอบคอบ”
![]()















