บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 571.4 ล้านบาท หนุนจากรายได้ประกันภัยของ BKI ที่แตะ 8,142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% พร้อมไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล 3.75 บาทต่อหุ้น แม้กำไรสุทธิจะลดลงจากปีก่อน แต่ยังคงสะท้อนเสถียรภาพทางการเงินและกลยุทธ์เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) ว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 571.4 ล้านบาท ลดลง 30.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 5.37 บาท โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท กำหนดจ่ายในวันที่ 6 มิถุนายน 2568
รายได้หลักของ BKIH ยังคงมาจากบริษัทในเครือคือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ซึ่งในไตรมาสดังกล่าว มีรายได้จากการประกันภัยรวม 8,142.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังชะลอตัว
อย่างไรก็ดี รายจ่ายในการบริการประกันภัยสุทธิของ BKI อยู่ที่ 7,832.9 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานจากการบริการประกันภัยอยู่ที่ 309.8 ล้านบาท ลดลง 46.3% จาก 576.6 ล้านบาทในปีก่อน ขณะที่รายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 440.5 ล้านบาท ลดลง 2.7% จากปีก่อนหน้า
เมื่อรวมรายได้อื่นและหักค่าใช้จ่ายต่างๆ กรุงเทพประกันภัยมีกำไรก่อนภาษี 665.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 564.7 ล้านบาท ลดลง 31.9% คิดเป็นกำไรต่อหุ้นพื้นฐานที่ 5.30 บาท
ทั้งนี้ BKIH ยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล มุ่งสร้างความมั่นคงทางการเงิน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม